ไม้แข็ง ใช้บ้างก็ดี

ไม้แข็ง ใช้บ้างก็ดี

ช่วงนี้มีการพูดถึงข่าวคราวการใช้ ม.44 เข้ามาจัดการกับเรื่องการจราจร อยู่สองสามประเด็น

 ทั้งเรื่องการให้อำนาจเจ้าพนักงาน ในการเคลื่อนย้ายรถที่หยุดหรือจอดอยู่ อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก เรื่องของการใช้เข็มขัดนิรภัย และเรื่องของการชำระค่าปรับตามใบสั่งจราจร หากไม่จ่ายจะต่อทะเบียนไม่ได้ ประมาณนี้

มีเรื่องนี้ออกมา ก็จะต้องมีผู้แสดงความคิดเห็น ทัศนะ วิจารณ์กันไปในหลายแง่มุม ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย รวมถึงคำถามว่า กับเรื่องของจราจรถึงกับต้องใช้ ม.44 เข้ามาจัดการแก้ไขเลยหรือ 

เรื่องเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละคนก็มีมุมมองที่ต่างกันออกไป และก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนที่เมื่อมีอะไรบางอย่างมาเปลี่ยนแปลงสิ่งตนเองคุ้นเคย เช่น เคยสะสมใบสั่งไว้เป็นปึกๆ ไม่เคยต้องไปจ่ายค่าปรับ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองได้รับผลกระทบ และอาจมองเรื่องนี้ในแง่ลบ 

แต่หากมองอีกมุมว่าเมื่อโดนใบสั่งจราจรแล้ว ทำไมบางคนต้องจ่าย แต่บางคนไม่จ่ายค่าปรับก็ไม่เดือดร้อนอะไร เห็นความแตกต่างตรงนี้ ก็น่าจะทำให้ได้คำตอบที่ดีขึ้น 

เรื่องของการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม ถ้าทำผิดก็ต้องยอมรับในกฎเกณฑ์กติกา ส่วนใครไม่ได้ทำผิดอะไร ก็ไม่น่าจะต้องวิตกอะไร และก็ไม่ควรคิดไปไกลถึงว่าเป็นมาตรการหาเงินเข้ารัฐ เนื่องจากเหตุผลนี่ นั่น โน่น ... คิดแค่ว่า ผิด จ่ายค่าปรับ ไม่ผิด ไม่ต้องจ่าย

เรื่องของการจอดรถกีดขวาง หรือบังคับคาดเข็มขัดนิรภัยก็เช่นกัน ทุกวันนี้คนใช้รถบ้านเราละเลยเรื่่องของความปลอดภัยพื้นฐานจำนวนมาก และที่ผ่านมาก็ค่อนข้างอลุ้มอล่วยในการกวดขัน

ทั้งนี้อย่าลืมว่าบ้านเรานั้น ความมีระเบียบในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ค่อนข้างย่อหย่อน และมีผู้คนจำนวนมไม่น้อยปฏิบัติกันตามใจชอบ ปฏิบัติตามความคิดของตัวเอง จนบางครั้งก็คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องก็มี ดังนั้นประเด็นที่ว่าเรื่องแค่นี้ ต้องถึงขั้นใช้ ม.44 เลยหรือ ผมว่าก็ไม่แปลกอะไร ดีเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเรื่องพื้นฐานในการใช้ชีวิต กับเรื่องราวของการใช้รถใช้ถนน ซึ่งมีความสำคัญและควรจะถึงเวลาสังคยานากันมาตั้งนานแล้ว และเห็นว่าน่าจะต้องขยายขอบข่ายให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำไป 

เพราะการใช้รถใช้ถนนไม่เป็นระเบียบนั้นก่อให้เกิดผลเสียตามจำนวนมาก เริ่มตั้งแต่ปัญหาจราจร ปัญหาสภาพจิต หงุดหงิด เครียดกันมากขึ้น เหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้เกิดความเส่ียหายต่อทรัพย์สิน ร่างกาย ไปจนถึงเสียชีวิต 

และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะทำให้สูญเส่ียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งจะต้องม่ีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถที่ค่อนข้างสูงตามมา ขณะที่การขับขี่รถโดยไร้ระเบียบวินัย ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่บ้านเรายังต้องพึ่งพาการนำเข้าเกือบทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าปีละหลายแสนล้านบาท และอย่างลืมด้วยว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหามลพิษตามมาอีกจำนวนมาก