เบื้องหลังเมิน.!! เก็บภาษี'ทักษิณ'
พูดถึงบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หลายคนคงจะนึกถึง ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี แต่พอพูดถึงภาษีหุ้นชิน กลับคิดไม่ออกว่า ต้องไปเรียกเก็บภาษีจากใคร งานนี้ทำเอากรมสรรพากรหลงทางไป ดูเหมือนจะไปหมกมุ่นที่จะเรียกเก็บภาษีซื้อขายหุ้นอยู่กับ พานทองแท้ และ พินทองทา ชินวัตร เสียมากกว่า ไม่รู้ว่าเจตนาเลือกเก็บภาษีขายหุ้นผิดคนหรืออย่างไร
คดีนี้หลายคนอาจจะจำไม่ได้เรียกว่า ลืมๆ ไปแล้ว ที่บริษัทแอมเพิลริช ขายหุ้นให้กับ พานทองแท้ และพินทองทา ราคาหุ้นละ 1 บาท ก่อนที่จะขายหุ้นให้เทมาเส็ก หุ้นละ 49 บาท ผลกำไรโผล่ทันทีหุ้นละ 48 บาท เหตุเกิดเมื่อประมาณปี 2549
การซื้อขายอย่างนี้ต้องเสียภาษีทันทีปี 2550 กรมสรรพากรก็ไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามยื่นฟ้องต่อศาลภาษีอากรกลาง แต่สุดท้ายยกฟ้อง โดยอิงคำพิพากษาศาลฎีกากลางที่ว่าพานทองแท้ และพินทองทา เป็นการดำเนินการลักษณะ“นอมินี”ของทักษิณ ดังนั้นการเรียกภาษีจึงต้องไปเรียกเก็บภาษีจากทักษิณ
เมื่อถึงตอนนี้กรมสรรพากรดูเหมือนจะอยู่ในสภาพ “โอละพ่อ” แบบเงียบๆ เก็บไม่ได้ก็ไม่เก็บ ฉะนั้นในช่วงนั้นอาจต้องกลับไปดูว่า อยู่ในรัฐบาลไหน ทำไมกรมสรรพากรถึงนิ่งเงียบ
ว่ากันว่า หลังจากกรมสรรพากร รู้ว่าเก็บภาษีจากสองพี่น้องไม่ได้ประมาณปี 2551 เริ่มมีความเคลื่อนไหวด้วยการส่งใครบางคน กระซิบถามผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงขณะนั้น ทำนองจะยื่น "อุทธรณ์“ กับคดีนี้หรือไม่ เพื่อความแน่ใจได้สอบถามกรมสรรพากรเหมือนกันยื่น ”อุทธรณ์“ แล้วชนะไหม คำตอบที่ได้ “ไม่ชนะ” ตรงนี้ดูเหมือนเป็นการเจรจาด้วยวาจาเท่านั้น
จากนั้นส่งเรื่องต่อไปให้รองปลัดกระทรวงการคลัง(ผู้หญิง) เซ็นลงนาม ยืนยันไม่ยื่น"อุทธรณ์“ บนข้อสังเกตทำนอง “ให้ไปหาผู้กระทำผิดที่ไม่เสียภาษี” เรียกว่าเห็นด้วยแบบเหนือชั้นจริงๆ
จริงๆ การนิ่งเฉยของกรมสรรพากรอาจจะด้วยรู้หรือไม่รู้ว่า ต้องทำอย่างไร แต่ด้วยน้ำหนักที่ตลาดหลักทรัพย์บอกว่า การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ “ไม่ต้องเสียภาษี” ยิ่งทำให้กรมสรรพากร “ตายใจ” ซะอย่างนั้น ท่ามกลางเรียกเก็บ “ผิดตัว”
จะผิดหัวผิดตัวมันก็ผ่านไปแล้ว แต่ของใหม่จะได้แค่ไหนยังเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์
แต่ที่แน่ๆ ที่ประชุมครม. สั่งให้กระทรวงการคลังไปสอบสวนใคร? เป็นอธิบดีกรมสรรพากรขณะนั้น ทำไมถึงปิดเรื่องเงียบ...