ค้นหาหุ้นสำหรับ Short Sales อย่างไร

ค้นหาหุ้นสำหรับ Short Sales อย่างไร

การประเมินหุ้นโดยมองลักษณะสวยหรูเกินไป มักทำให้นักลงทุนซื้อหุ้นระดับราคาที่สูงเกินจนกระทั่งหลุดจากระดับความเสี่ยงการลงทุนต่ำ

ช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆเข้ามา ทำให้บรรยากาศสำหรับการลงทุนอาจดูซบเซาไปบ้าง สำหรับสัปดาห์นี้ คำถามจากนักลงทุน คือ หากไม่มีหุ้นที่น่าซื้อในขณะนี้ แล้วเราจะค้นหาหุ้นสำหรับการทำ Short Sales อย่างไร ซึ่งผมเองได้ติดค้างท่านนักลงทุนไว้จากคราวก่อนที่ได้พูดถึง Short Sales หรือ Stock Borrowing and lending (SBL) ว่า คือบริการสำหรับการให้กู้ยืมหุ้นจากบริษัทโบรกเกอร์

หุ้นที่มักตกเป็นเป้าหมายสำหรับ Short Sales จะมีลักษณะอย่างไร

1.ราคาหุ้นซื้อขายบน valuation แพงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มอุตสาหกรรม

นักลงทุน หรือ ผู้จัดการกองทุนที่โด่งดังหลายท่านไม่ว่าจะเป็นนาย วอเรนต์ บัฟเฟต นายปีเตอร์ ลินช์ นายจอร์น เนฟ ซึ่งล้วนแล้วจะมองการลงทุนในหุ้นโดยเน้นหลัก การประเมินมูลค่าพื้นฐาน เป็นสำคัญ และได้มีการถ่ายทอดสู่นักลงทุนรุ่นต่อมา แต่ในขณะเดียวกัน โลกการลงทุนจริง การประเมินมูลค่าพื้นฐาน ของบริษัทนั้นมีความยากมักเกิดจากการตั้งสมมติฐานที่ใกล้เคียงความจริงที่บริษัทจะสามารถดำเนินการได้ในอนาคต

การประเมินหุ้นโดยมองในลักษณะสวยหรูเกินไป มักทำให้นักลงทุนซื้อหุ้นในระดับราคาที่สูงเกินจนกระทั่งหลุดจากระดับความเสี่ยงจากการลงทุนต่ำ หรือ ระดับราคาที่มี margins of safety ไปไกลย่อมมีความเสี่ยงขาดทุนมากตามมาเสมอ ดังนั้น หุ้นบริษัทที่มีความคาดหวังสูงจากนักลงทุนว่ากำไรจะโตก้าวกระโดดมากมายในช่วงเวลา 1-3 ปี ทีมงานผู้บริหารบริษัทย่อมมีภาระหนักอึ้งที่ต้องสามารถดำเนินการให้กำไรบริษัทเติบโตก้าวกระโดด และต่อเนื่องให้ได้ เพื่อให้สอดรับกับราคาหุ้นที่ขึ้นไปรอแล้ว ดังนั้น ราคาหุ้นกลุ่มนี้มักจะมีมูลค่าซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็น ราคาเทียบกำไร (P/E ratio) มูลค่าบริษัทเทียบกับกระแสเงินสด (Enterprise value/EBITDA) ที่แตกต่างจากค่าเฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มเดียวกันอย่างมโหฬารเป็นเท่าตัว และ อัตราผลตอบแทนคาดการณ์เงินปันผล (Dividend yield) ต่ำกว่า 1%

2.บริษัทประกาศงบการเงินน่าผิดหวังต่อเนื่องมากกว่าหนึ่งไตรมาสขึ้นไป

ต่อมาเมื่อหุ้นบริษัทใดก็ตามซื้อขายด้วยมูลค่าสูงผิดปกติ ในช่วงแรก หุ้นกลุ่มเหล่านี้จะปรับตัวขึ้นสร้างอัตราผลตอบแทนให้นักลงทุนอย่างมากและถือเป็นหุ้นในดวงใจของนักลงทุนทั้งแผ่นดินก็ว่าได้ นักลงทุนที่มองหาหุ้นสำหรับ Short sales ยังไม่ควรทำการ Short เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้มักจะมีแต่การหยิบยกประเด็นด้านบวกมาพูด ความมั่นใจของนักลงทุนต่อหุ้นยังคงสูง (แม้ว่าท่านเองอาจมีความเห็นที่แตกต่างก็ตาม) ดังนั้น การทำ Short เราควรรอจนกระทั่งงบการเงินเริ่มส่งสัญญานด้านลบ ที่กำลังก่อตัวขึ้น อาทิเช่น 1) การขยายตัวของกำไรนั้นมาจากรายการพิเศษสัดส่วนเพิ่มขึ้นและบ่อยขึ้น 2) การขยายตัวของรายได้เริ่มน้อยลง แต่อัตราทำกำไรดีขึ้น หรือรักษาได้จากการลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย 3) ความสามารถในการทำกำไร (margin หรือ ROCE) ลดลงต่อเนื่องมากกว่าหนึ่งไตรมาสขึ้นไป อันเกิดจากการลดราคาขาย 4) การจ่ายเงินปันผลเทียบกับกำไรจากการดำเนินงานอยู่ในสัดส่วนสูงผิดปกติ หรือในหลายกรณีมากกว่ากำไรจากการดำเนินจริงที่บริษัทหาได้ 5) สัดส่วนหนี้ระยะสั้นเทียบกับฐานทุนเพิ่มอย่างรวดเร็ว และซึ่งเกิดจากภาวะอ่อนแอของกระแสเงินสดบริษัท อัตราหนี้สินเทียบทุนสูงเกินไป และ 6) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเริ่มทยอยขายหุ้นออก

3.ผู้บริหารของบริษัทซึ่งเป็นคนสำคัญลาออก

ปัจจัยถัดมาคือ บริษัทเริ่มมีผู้บริหาร กรรมการคนสำคัญทยอยลาออก ความจริงก็คือ กรรมการเหล่านี้มักมีข้อขัดแย้งในคณะกรรมการบริษัท ซึ่งอาจเกิดจากแนวทางดำเนินงานบริษัท การบริหารเงินสำหรับการลงทุนเพื่อขยายงาน ซื้อบริษัทอื่น และอาจเกิดจากรายการผิดปกติบางประการในบริษัท จนอาจนำไปสู่คดีความฟ้องร้องตามมา โดยทั่วไป บริษัทมักจะพยายามรักษาผู้บริหาร หรือคณะกรรมการที่มีความสามารถสูงไว้กับองค์กรให้นานที่สุดเสมอ ดังนั้น บริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงจะอยู่ในเป้าหมายของนักลงทุนที่ต้องการ Short หุ้น

สำหรับองค์ประกอบของหุ้นที่เหมาะสำหรับการทำ Short sales นั้นยังไม่หมด เราขออนุญาตไปพูดคุยกันต่อในฉบับหน้า รวมถึงข้อควรระมัดสำหรับ การ Short หุ้น ซึ่งผมจะค่อยๆนำเสนอต่อไป