ดัชนีความกลัว VIX ในตลาดหุ้นกระทิง

ดัชนีความกลัว VIX ในตลาดหุ้นกระทิง

ดัชนีความกลัว VIX ในตลาดหุ้นกระทิง

ช่วงนี้ตลาดหุ้นที่อเมริกาอยู่ในสภาวะกระทิง โดยดัชนี Dow Jones ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุ 20,000 จุดไปในที่สุด ตื่นเช้ามาจะเห็นพาดหัวข่าวว่าดัชนี Dow Jones ทำ New High อยู่เรื่อยๆ จะเห็นว่าอารมณ์ตลาดขณะนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ครึกครื้นมาก

ลองมาดูค่าดัชนี VIX หรือที่เรียกกันว่า “ดัชนีความกลัว” ว่าสะท้อนอารมณ์นักลงทุนที่อเมริกาอย่างไร โดยถ้าดัชนีมีค่าสูงขึ้นเป็นการสะท้อนความกลัวที่เพิ่มขึ้นต่อมุมมองตลาดหุ้นที่อเมริกา ในขณะที่ดัชนีที่ลดต่ำลงเป็นการสะท้อนความกลัวที่ลดลง จากรูปจะเห็นว่าค่าดัชนีขึ้นไปสูงเกิน 22 จุดในช่วงเดือนพ.ย. ปี 2559 ซึ่งถ้าจำกันได้จะเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้งที่สหรัฐอเมริกา เป็นสภาวะที่นักลงทุนกังวลกับความไม่แน่นอนว่าผลเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร ทำให้ค่าดัชนีเพิ่มขึ้นไปอย่างรุนแรงในช่วงนั้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผลการเลือกตั้งออกมา และมีความชัดเจนมากขึ้นค่าดัชนี VIX ก็ปรับลดลงมาอย่างรวดเร็ว และลดลงมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันที่ต้นเดือนก.พ. ค่าดัชนี VIX ได้ปรับลดลงมาอยู่ในช่วง 10-11 จุด และถือว่าต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา โดยการตีความจากค่าดัชนีนี้สามารถบอกได้ว่าเป็นสภาวะที่นักลงทุนมีมุมมองและกังวลกับตลาดหุ้นน้อยมากที่สุดในรอบ 1 ปี การตีความตรงนี้สอดคล้องกับดัชนี Dow Jones ที่ปรับตัวขึ้นมาเรื่อยๆในช่วงเวลาเดียวกันเกือบ 15% และสามารถยืนเหนือ 20,000 จุดได้ในที่สุด โดยในสภาวะที่ตลาดหุ้นอเมริกาแบบนี้ ทำให้ตลาดหุ้นไทยเองก็ได้รับผลบวกบ้างในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีกระแสเงินต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นทำให้ราคาปรับตัวขึ้น และช่วยให้ดัชนีไทยปรับตัวขึ้นประมาณเกือบๆ 5% ในช่วงเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนักกลยุทธ์ต่างประเทศหลายสำนักเริ่มออกมาแสดงความกังวลของสภาวะที่ตลาดปรับตัวขึ้น พร้อมๆกับค่าดัชนี VIX ที่ต่ำมากๆเป็นประวัติการณ์ โดยเรียกตลาดแบบนี้ว่า สภาวะที่ไร้กังวล (Complacent Market) โดยมีการอ้างถึงสถิติว่าในสภาวะตลาดที่ดีเกินไปและนักลงทุนไร้ความกังวล จะมีโอกาสที่ดัชนีจะทำจุดสูงสุดและปรับตัวลงอย่างรุนแรงถ้ามีข่าวร้ายอะไรเข้ามา และตามมาด้วยค่าดัชนี VIX ที่กระชากขึ้นอย่างรุนแรง

สถิติที่มีการอ้างถึงตรงนี้อาจทำให้นักลงทุนในต่างประเทศบางรายเริ่มใช้กลยุทธ์ Short Sale หุ้นในอเมริกา (เราอาจะเห็นข่าวกันในต่างประเทศ) แต่ก็ประสบกับการขาดทุนไปเพราะตลาดยังขึ้นมาเรื่อยๆ นักลงทุนบางกลุ่มใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Black Swan ซึ่งหลักการคร่าวๆของ Black Swan นี้ เปรียบเทียบกับนักพนันที่ชอบพนันทีมที่เป็นรองเยอะมากๆ ด้วยต้นทุนที่น้อย ถ้าทายผิดก็จะเสียเงินเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าถูกก็จะได้กำไรหลายเท่า สำหรับในตลาดหุ้นนักลงทุนกลุ่มนี้ก็จะมองหาเครื่องทางการเงินบางอย่าง เช่น Put Option ที่ราคาพรีเมี่ยมถูกมากๆ และพนันว่าตลาดอาจจะปรับตัวลงอย่างรุนแรง ถ้าสุดท้ายตลาดไม่ปรับตัวลงแรงๆ นักลงทุนก็จะขาดทุนด้วยค่าพรีเมี่ยมทั้งหมด แต่ถ้าสุดท้ายมองถูก กลยุทธ์นี้ก็จะสร้างกำไรได้หลายเท่าตัว

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเรื่องของการตีความค่าดัชนี VIX ที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ในต่างประเทศซึ่งใกล้ตัวนักลงทุนในไทยมาก เพราะไม่ว่าการตีความในด้านบวกหรือลบก็แล้วแต่ สุดท้ายผลกระทบก็จะส่งผลมาที่ตลาดหุ้นไทยอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ เป็นหน้าที่ของนักลงทุนเองที่ต้องคอยติดตามข้อมูลตรงนี้ และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องตามไป