อินเดีย.จากแหล่งอารยธรรมสู่ประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวสูงสุด

อินเดีย.จากแหล่งอารยธรรมสู่ประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวสูงสุด

เศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อย่างจีน จะชะลอลงจากโตสูงกว่า10% ลดเหลือ 6-7% ประเทศที่โค่นจีนและขึ้นแท่นเป็นเศรษฐกิจที่โตเร็วสุดอันดับ 1 ของโลก คืออินเดีย

47 วันผ่านไปสำหรับปี 2560 นักลงทุนที่ซื้อหุ้นไว้คงกำไรถ้วนหน้า เพราะหุ้นทั้งโลกเดินหน้าต่อจากความหวังในตัวประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ที่มาพร้อมกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ เรียกได้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นศูนย์กลางของโลก คงไม่ผิด

รู้หรือไม่ ตั้งแต่ต้นปี ตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงตลาดพัฒนาแล้วอื่นๆ กลับสร้างผลตอบแทนสู้หุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ไม่ได้ ดัชนี S&P 500 และ Euro STOXX 600 บวก 2-4% เทียบกับ MSCI Emerging Markets ที่ขยับขึ้นกว่า 8% และหนึ่งในตลาดที่ผลงานดีคือ อินเดีย ไม่ว่าจะดูดัชนี Sensex ที่บวก 6% หรือ Nifty ที่ขึ้น 7%

ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อย่างจีน จะชะลอลงจากที่โตสูงกว่า 10% ลดลงเหลือราวๆ 6-7% ประเทศที่โค่นจีนและขึ้นแท่นเป็นเศรษฐกิจที่โตเร็วที่สุดอันดับ 1 ของโลกคือ อินเดีย โดยจุดเปลี่ยนเกิดในปี 2559 ที่อินเดียรายงาน GDP เติบโต 7.9% และ IMF ยังคาดต่อว่าปีนี้จะโตได้อีกมากกว่า7%

แรงขับเคลื่อนสำคัญคือการปฏิรูป นำโดยรัฐบาลของนายนเรนทรา โมดี ซึ่งเข้ามาดูแลอินเดียในปี 2557 นโยบายที่โดดเด่นคือ ปรับโครงสร้างภาษีการค้าและบริการ (GST) ซึ่งจะลดต้นทุนการผลิตและขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งจะเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน (อินเดียมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก) หรือแม้แต่นโยบายล่าสุดอย่างการยกเลิกธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี เพื่อขจัดปัญหาเงินนอกระบบ ที่เดิมนักวิเคราะห์ต่างกังวลว่าจะฉุดเศรษฐกิจ ก็ผ่านไปได้ดี โดยรัฐบาลหวังว่าจะกวาดล้างคอรัปชั่นและการเลี่ยงภาษีให้หมดไป

ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ย โดยปีนี้มีโอกาสลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง ในไตรมาส 3-4 เทียบกับปีก่อนที่ลด 2 ครั้ง รวม 0.5% ด้านการคลัง รัฐบาลเตรียมลดยอดขาดดุลการคลัง โดยลดการกู้ยืมและทุ่มค่าใช้จ่ายไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย ผ่านโครงการให้ทุกครัวเรือนมีบ้านและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ปีนี้จะมีการเลือกตั้งใน 5 รัฐ ผู้ชนะจะได้เก้าอี้ในรัฐสภารวมกันถึง 15-20% นี่เป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำหรับนายโมดี เพราะการยกเลิกธนบัตรทั้ง 2 ประเภทกระทบผู้มีรายได้น้อยจำนวนมากที่ใช้เงินสดในชีวิตประจำวัน ถ้าผลเลือกตั้งนำฝ่ายตรงข้ามเข้ามามาก อาจมีความขัดแย้งทางนโยบายทำให้การปฏิรูปล่าช้า

การแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจใช้เวลานาน สิ่งสำคัญไม่แพ้กัน คือ “อินเดียจะเดินตามแผนและเข้าใกล้เป้าหมายของการปฏิรูปหรือไม่” หากการปฏิรูปเดินหน้าได้ดี เศรษฐกิจโตโดดเด่น นี่เป็นโอกาสลงทุนหรือไม่ ราคาหุ้นอินเดียซื้อขายที่ P/E ratio 16-17 เท่า นับว่าไม่ถูกเมื่อเทียบกับอดีตที่ 11-12 เท่า แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรต่อหุ้นปีนี้ขยายตัวสูงถึง 20% นับว่าน่าสนใจไม่น้อย

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจอินเดียมีศักยภาพ แต่ตลาดหุ้นอินเดียอยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ย่อมมีความเสี่ยงสูงกว่าตลาดพัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะมองในมุมนโยบาย การเมือง สภาพคล่อง หรืออัตราแลกเปลี่ยน การลงทุนในหุ้นอินเดียควรเพิ่มความระมัดระวัง และนักลงทุนต้องรับความผันผวนได้สูง ตัวอย่าง ผลตอบแทนในปี 2559 ที่ช่วงแรกสูงถึง 5.8% กระทั่งรัฐบาลมีนโยบายยกเลิกธนบัตรในเดือนพ.ย. ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียร่วงถึง 4.4% ใน 7 สัปดาห์ ดังนั้น หลักการที่ใช้ได้ตลอดกาลคืออย่าลืมกระจายเงินลงทุน