เขาว่า..กรุงเทพธนาคม แดนสนธยาจริงไหม..?

  รู้แต่เพียงว่า เป็นบริษัทที่กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ถือหุ้นถึง 99.98% เป็นบริษัทที่มีภารกิจพอสมควร ว่ากันว่ามีทรัพย์สินกว่า 2 แสนล้านบาท ฉะนั้นต้องเรียกว่า เป็นองค์กรที่ใหญ่ไม่ธรรมดา 

 ที่น่าแปลกใจ องค์กรแห่งนี้ปีที่ผ่านมามีกำไรแค่ 50 ล้านบาท ตามหลักถ้ามีกำไรต้องแบ่งให้กรุงเทพมหานครครึ่งหนึ่ง เท่ากับว่า กำไรที่ได้เหลือเก็บเข้ากระเป๋าเพียง 25 ล้านบาท กำไรกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ห่างราวกับฟ้าและดิน แสดงว่า มันต้องเกิดอะไรขึ้น

ขณะที่ภารกิจของเคที ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของระบบขนส่งมวลชน ล้อ ราง เรือ ประกอบด้วยโครงการรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT เรือคลองภาษีเจริญ ยังมีงานด้านศึกษาและวิจัย ด้านสิ่งแวดล้อม  เก็บขนและกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ และรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ดูเหมือนมีภารกิจมากมาย แต่กำไรที่ได้ มันช่างต่างกันเหลือเกิน

แต่ที่ประหลาดใจดูเหมือนการดำเนินการของเคที มีหลายเรื่องหลายราวกำลังเป็นที่เคลือบแคลงใจ ของคณะกรรมการเคทีชุดใหม่ แบบ “ไม่รู้จะทำยังไงดี” หลายเรื่องที่ทำไว้ดูเหมือนจะเร่งรีบเสียเหลือเกิน อย่างรถไฟฟ้าบางเส้นทางยังไม่เข้าครม. ยังไม่ได้ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเลย แต่กลับไปทำสัญญาอะไรล่วงหน้าอย่างเมามัน

สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ยังเป็นประเด็นเคลือบแคลง แม้แต่เตาเผาขยะพิษ ที่เคทีรับจ้างเผาขยะพิษจากโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร คิดค่ากำจัดขยะตันละ 5 พันบาท เพราะเป็นหน่วยงานรัฐดูสมเหตุสมผล แต่ภายใต้รับเผาขยะพิษของโรงพยาบาลรัฐ ก็มี แอบรับเผาขยะพิษจากเอกชน แต่กลับคิดราคาหน่วยงานรัฐ อย่างนี้ไม่รู้ว่า คิดราคาไม่เป็นหรือเป็นบริการเสริมขององค์กรนี้

แว่วๆ มาว่า มีหลายโครงการ หลายสัญญาที่บอร์ดชุดใหม่กำลังขุดคุ้ยขึ้นมา เพราะการกระทำที่ผ่านมาดูเหมือนพวกมากลากไป ฉะนั้นใครทำอะไรไว้อย่างไร ถึงเวลารับไปก็แล้วกัน

สงสัยงานนี้มีเฮเกิดขึ้น หลายคนพูดว่าที่นี่ "แดนสนธยา" จริงเท็จแค่ไหนสงสัยต้องถาม บัณฑิต ศิริตันหยง ประธานกรรมการเคที 

เพราะแม้แต่ค่าเช่าสำนักงานว่ากันว่าตกเดือนละ 7 แสนบาท แถมห้องประธานบอร์ดมีห้องอาบน้ำเสียด้วย