เมื่อทรัมป์มา... กองทุนทองคำนี่แหละสำคัญ!

เมื่อทรัมป์มา... กองทุนทองคำนี่แหละสำคัญ!

เมื่อทรัมป์มา... กองทุนทองคำนี่แหละสำคัญ!

สวัสดีเดือนก.พ.ครับ นับตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมาหลังจากที่นายโดนัล ทรัมป์ ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ กระแสที่มาแรงและถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของนโยบายต่างๆ ที่เขาได้เคยพูดไว้ว่าจะทำในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งถ้าหากพูดกันตรงๆ นโยบายของทรัมป์ก็มีทั้งนโยบายที่ดูจะเอื้อประโยชน์กับเศรษฐกิจและตลาดทุน หรือ Good Trump’s policies อย่างพวกการลดภาษี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และอีกมุมหนึ่งก็มีนโยบายที่ดูจะไม่เป็นมิตรต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกเอาเสียมากๆ หรือ Bad Trump’s policies เช่น พวกนโยบายกีดกันทางการค้า นโยบายกีดกันแรงงาน และการยกเลิกนโยบายโอบามาแคร์ แต่เท่าที่ผมเห็น ในช่วง 2 -3 เดือนที่ผ่านมา การที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่คำว่า “New high” ได้กลายเป็นคำศัพท์ฮิตที่ติดหูกันไปแล้วนั้น คงไม่ได้มาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการที่ตลาดเลือกที่จะให้น้ำหนักไปยังนโยบายประเภท Good Trump’s จนอาจละเลยนโยบายประเภท Bad Trump’s ไปชั่วขณะ

โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกแสดงสัญญาณการฟื้นตัวและเติบโตดีขึ้นแบบนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ที่เรียกว่า “หุ้น” ถือเป็นทางเลือกที่ดี โอกาสที่ผลประกอบการของธุรกิจจำนวนมากจะออกมาดีๆ ก็มีมาก ตลาดอาจมีปรับมุมมองผลประกอบการให้ดีขึ้น ปัจจัยเหล่านี้สามารถขับเคลื่อนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้ครับ แต่ด้วยภาวะในปัจจุบันที่ตลาดยังไม่ได้สะท้อนความเสี่ยงจากนโยบายประเภท Bad Trump’s อยากเต็มที่ และหากตลาดเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับนโยบายประเภท Bad Trump’s ขึ้นมาเมื่อไร โอกาสที่ราคาหุ้นจะย่อตัวลงมาแรงๆ ในบางช่วงก็เป็นไปได้สูง ดังนั้นผมจึงมองว่าในภาวะแบบนี้ การรู้จักบริหารจัดการความเสี่ยงให้ดีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กับการหาผลกำไรครับ ซึ่งในแง่ของการลงทุนแล้ว หนึ่งในวิธีบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีนั้นก็คือการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภทที่ราคาไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันมากนัก หรือหากมีสินทรัพย์บางตัวที่ราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับสิทรัพย์ประเภทอื่นๆ ไปเลยด้วยก็ยิ่งดี ซึ่งถ้าหากจะพูดถึงสินทรัพย์ที่มีคุณสมบัติตามนี้ สินทรัพย์ที่ผมมักนึกถึงเป็นอันดับแรก... ใช่แล้วครับ “ทองคำ” นั่นเอง

ถึงแม้ว่า ผมจะค่อนข้างชอบ “กองทุนทองคำ” ในระยะนี้ เนื่องจากคุณสมบัติในการช่วยกระจายความเสี่ยงที่ดีก็ตาม แต่ผมคงไม่ได้คาดหวังว่าราคาทองคำจะกลับขึ้นไปสูงเหมือนเดิมนะครับ ด้วยความที่ทองคำนั้นไม่ใช่สินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้ระบบเศรษฐกิจได้มากมายนัก และยังมีปัจจัยเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ถือว่าเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำด้วย ดังนั้นการจะเข้าไปทุ่มลงทุนในกองทุนทองคำในสัดส่วนมากๆ จึงอาจเป็นทางเลือกที่ไม่ดีนัก หากถามว่าแล้วแบบนี้ควรลงทุนในกองทุนทองคำเท่าไรดี? ผมคิดว่าการลงทุนกองทุนทองคำในสัดส่วนราว 10% ของพอร์ตก็ถือว่าสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงให้เราได้พอสมควรแล้ว หรืออย่างมากที่สุดก็ควรมีสัดส่วนกองทุนทองคำไม่เกิน 15% ของพอร์ตครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับแนวคิดการลงทุน “ทองคำ” เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงในภาวะตลาดที่ดูยังเป็นขาขึ้นแบบนี้ อาจจะสวนทางกับชาวบ้านไปบ้าง แต่เชื่อเถอะครับว่าถึงจะสวนทางแต่ก็ไม่ได้แปลว่าผิด อย่างที่ Benjamin Graham เคยกล่าวไว้ “investing isn’t about beating others at their game. It’s about controlling yourself at your own game.” และสำหรับผมแล้ว การวางแผนการลงทุนที่ดีเรื่อง “การบริหารความเสี่ยง” ถือว่าสำคัญไม่แพ้การหาผลตอบแทนเลยครับ โชคดีในการลงทุนนะครับ สวัสดีครับ