เศรษฐกิจแต้จิ๋ว: อดีต ปัจจุบัน อนาคต

เศรษฐกิจแต้จิ๋ว: อดีต ปัจจุบัน อนาคต

เมื่อพิจารณาเศรษฐกิจของบริเวณใด สิ่งที่จะต้องดูประการหนึ่งก็คือ ขอบเขตการปกครอง

เนื่องจากขอบเขตเป็นสิ่งที่กำหนดทรัพยากรทางเศรษฐกิจของบริเวณนั้นๆ การพิจารณาเศรษฐกิจของแต้จิ๋วจึงจำเป็นต้องดูวิวัฒนาการของขอบเขตการปกครองเช่นเดียวกัน

อาณาเขตของแต้จิ๋วในสมัยราชวงศ์ถังครอบคลุมตั้งแต่ตอนใต้ของมณฑลฮกเกี้ยน ปัจจุบันแถบเมืองจางโจว (漳州) ไปจนถึงแถบตะวันออกของเมืองกวางเจาปัจจุบัน บริเวณเมืองหุ้ยโจว (惠州)โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เขตเซียงเกี๊ย หรือ เขตเตี่ยอันในปัจจุบันหรือที่เรียกว่าหูเซี้ย (府城) ซึ่งมาจากคำว่า  ที่เป็นตัวชี้ระดับการปกครองที่มีขนาดใหญ่เกือบๆ เท่ามณฑลกวางตุ้งปัจจุบัน และ  แปลว่าตัวเมือง

ในยุคปลายราชวงศ์ชิงถึงต้นสาธารณรัฐจีน อาณาบริเวณของแต้จิ๋วลดลงเหลือเพียง 9 อำเภอ 1 เมืองใหญ่ และ 1 เกาะ ดังแสดงในตารางที่ 1 แต่ศูนย์กลางการปกครองยังคงอยู่ที่เตี่ยอัน ในปัจจุบันนี้ ชื่อของคำว่า “แต้จิ๋ว” เหลือเพียง อำเภอเตี่ยอัน กับอำเภอเหยี่ยวเพ้ง เท่านั้น อำเภอกิ๊กเอี๊ย อำเภอหุ่ยไล้ และ อำเภอโผวเล้ง แยกไปสังกัดเมืองกิ๊กเอี๊ยอันเป็นเมืองในระดับส่วนท้องถิ่นที่มีศักดิ์รองลงไปจากกวางเจาและเซินเจิ้น อำเภอเตี่ยเอี๊ย เถ่งไฮ่ ซัวเถา และ เกาะหน่ำอ่อ แยกไปสังกัดเมืองซัวเถาอันเป็นเมืองในระดับส่วนท้องถิ่นเช่นเดียวกัน ส่วนอำเภอฮงสุงกับอำเภอตั่วโปวแยกไปสังกัดเมืองเหมยโจว อันเป็นเมืองระดับส่วนท้องถิ่นเช่นเดียวกัน เนื่องจากวัฒนธรรมของชาวแคะ

ดังนั้นเมืองใหญ่ที่อยู่ในบริเวณแต้จิ๋วเดิมจึงมี 3 เมืองตามคำจำกัดความของการปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบันคือ แต้จิ๋ว กิ๊กเอี๊ย และซัวเถา ซึ่งมีพื้นที่ 3,597 5,240 และ 2,064 ตารางกิโลเมตรตามลำดับ แต่ว่าพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของแต้จิ๋วเป็นภูเขาสูงในอำเภอเหยี่ยวเพ้ง พื้นที่ส่วนที่เหลือจึงเล็กพอๆ กับซัวเถา แต่ว่าซัวเถาเป็นเมืองท่ามาแต่โบราณที่มีวิวัฒนาการด้านการค้า อุตสาหกรรม และ การศึกษาไปในระดับสูงแล้ว แต้จิ๋วในปัจจุบันจึงถือว่าตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบอย่างยิ่ง

พื้นฐานของเมืองใหญ่ทั้งสามข้างต้น นำไปสู่สภาพเศรษฐกิจตามที่แสดงในตารางที่ 2 ซัวเถาเป็นเมืองอุตสาหกรรมจึงมี GDP สูงสุด ที่ 97,478 ล้านหยวน กิ๊กเอี๊ยมีพื้นที่ใหญ่และประชากรมากที่สุด จึงมี GDP ในระดับถัดมา แต่เนื่องจากพื้นที่กว้างและประชากรมากทำให้การพัฒนาไม่ทั่วถึง ระดับรายได้โดยเฉลี่ยจึงอยู่ในระดับต่ำสุดที่ 10,759 หยวนต่อคนต่อปี

ตารางที่ 3 แสดงสัดส่วนของอุตสาหกรรมแยกตามอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐาน สินค้าสำเร็จรูปและ การบริการ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมของกิ๊กเอี๊ยยังอยู่ในระดับต่ำสุดโดยมีอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานในระดับสูงสุดและการบริการอยู่ในระดับต่ำสุด

สิ่งที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การสูญเสียอำนาจการปกครองและการควบคุมทางเศรษฐกิจจะทำให้อิทธิพลของวัฒนธรรมแต้จิ๋วลดลงอย่างไม่อาจหวนกลับมาได้ ปัจจัยสำคัญจึงอยู่ที่ส่วนกลางของรัฐบาลจีนที่จะมองเห็นความสำคัญของการกำหนดการปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับการรักษาวัฒนธรรมหนึ่งๆ หรือ เพียงหวังแบ่งแยกแล้วปกครอง หรือไม่ แต้จิ๋วเองจะต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจและฟื้นฟูอิทธิพลทางเศรษฐกิจของแต่จิ๋วเท่าที่จะเป็นไปได้

ในปัจจุบันนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจสำคัญของแต้จิ๋วได้แก่ ภาคการเกษตรที่อยู่ในบริเวณภาคเหนือที่เป็นพื้นที่ภูเขา อุตสาหกรรมที่อยู่ในบริเวณที่ราบครึ่งใต้ ได้แก่ เครื่องเคลือบ สเตนเลสสตีล ชุดแต่งงาน และ การท่องเที่ยว ซึ่งแต้จิ๋วทำได้ดีกว่าเมืองข้างเคียงอื่นๆ

แต้จิ๋วถือเป็นหนึ่งในหัวเมืองในจีนที่มีชื่อเสียงในการทำเครื่องเคลือบมาแต่โบราณ เมืองอื่นๆ ได้แก่ จิ่งเต๋อเจิ้งในเจียงซี ถังซานในเหอเป่ย หลี่หลิงในหูหนาน เต๋อฮั่วในฮกเกี้ยน แต่มีแต้จิ๋วที่ค่อนข้างทำเครื่องเคลือบสุขภัณฑ์สมัยใหม่เป็นอุตสาหกรรม แต่ก็ยังทำเครื่องเคลือบของใช้ในครัวเรือนแบบดั้งเดิมไปพร้อมกัน ในขณะที่เมืองอื่น ๆ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

แม้แต้จิ๋วจะทำสุขภัณฑ์จำนวนมาก แต่ถ้ามาขายในเมืองไทยก็คงจะขายไม่ได้ทั้งนี้เพราะว่าชิ้นส่วนประกอบทำด้วยวัสดุคุณภาพต่ำ การออกแบบไม่สวยงาม และ ไม่แข็งแรงเสียหายง่าย นี่คือความรู้ที่แต้จิ๋วจะต้องมีนอกไปจากก๊อบปี้แบบสุขภัณฑ์ของประเทศอื่นๆ ตั้งแต่การออกแบบอุตสาหกรรม วัสดุศาสตร์ การปรับปรุงขบวนการผลิตเพื่อลดความเสียหาย ส่วนเครื่องเคลือบในครัวเรือนพัฒนาให้ทันสมัยได้ดีอยู่แล้ว

เรื่องเหล่านี้ต้องการการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมตลอดจนเกษตรกรรมต่างๆ ในท้องถิ่นที่ต้องมีการวางแผนยุทธศาสตร์ในระยะยาวทั้งสิ้น แต่เมืองแต้จิ๋วมีเพียงวิทยาลัยฝึกหัดครูแห่งเดียวเท่านั้น มหาวิทยาลัยที่มีคณะสำคัญๆ ครบถ้วนอยู่ที่ซัวเถา ตั้งขึ้นโดยความร่วมมือจากลีกาชิง ถัดจากนั้นคือมหาวิทยาลัยระดับมณฑล ซึ่งคงไม่ได้ให้ความสำคัญแก่ความต้องการเฉพาะท้องถ่ิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ของจีนเองก็ไม่เคยวางแผนเชิงกลยุทธ์ถึงรายละเอียดเช่นนี้ ผู้ว่าการเมืองเองก็มาจากการแต่งตั้งที่ไม่แน่ใจนักว่าจะมีความรู้เฉพาะทางเช่นนี้

ผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างกล่าวกับข้าพเจ้าว่า ผู้ว่าการมาจากการซื้อขายตำแหน่ง ไม่มีการเลือกตั้ง ข้าพเจ้าก็กล่าวตอบไปว่า ประเทศของข้าพเจ้ามีการเลือกตั้งแต่ก็ถือว่าตำแหน่งได้มาด้วยการซื้อขายผ่านคะแนนเสียง แล้วมีการเลือกตั้งกับไม่มีการเลือกตั้ง ต่างกันตรงไหน ?