เรื่องที่...."ดีต่อใจ"!

เรื่องที่...."ดีต่อใจ"!

ใครๆ ก็อยากจะได้พบประสบการณ์ที่ "ดีต่อใจ" กันทั้งนั้น..

เมื่อทีมงานหรือลูกน้อง เจ็บป่วย ไม่ค่อยสบาย แต่ก็ยังฝืนมาทำงาน แต่เมื่องานช้าหรือไม่ได้ดังใจหัวหน้าหรือผู้จัดการ

สิ่งที่เกิดขึ้นมักจะเป็น คำพูด สีหน้าท่าทาง ที่ระเบิดอารมณ์ หรือหงุดหงิดใส่ลูกน้อง ทั้งที่ลูกน้องก็พยายามลากสังขารมาทำงานอย่างเต็มที่แล้ว... (ลูกน้องคงแหงนหน้ามองฟ้า รำพันในใจ...จะเอาอะไรกับกรูอีกกกก..!)

เรื่องแบบนี้ "ไม่ดีต่อใจ" และยังทำให้ลูกน้อง "เสียกำลังใจ"...ยังมีหัวหน้าหรือผู้จัดการทำแบบนี้อยู่หรือเปล่า!?

เมื่อลูกค้า รอช่างหรือฝ่ายบริการ ที่รับปาก(เป็นครั้งที่สาม) ว่าจะรีบมาแก้ไข อุปกรณ์ที่ลูกค้าซื้อมาใช้แล้วเกิดปัญหา ลูกค้าโทรไปตามกี่รอบ กี่รอบก็ได้แต่คำสัญญาลมๆ แล้งๆ ว่าจะรีบมาแก้ไขให้ แต่ก็ไม่มาซะที...

เรื่องแบบนี้ "ไม่ดีต่อใจ"และยังทำให้ลูกค้า"เจ็บใจ"จนเลิกใช้บริการ และเล่าขานประสบการณ์เลวร้ายผ่าน โซเชี่ยล มีเดียที่ทุกคนมีอยู่ในมือ! เพื่อให้สะใจให้สำนึกกันบ้าง!

ไม่ว่ากับลูกน้อง...หรือกับลูกค้า... ทุกวันนี้ หลายๆ ที่ทำสิ่งที่ "ไม่ดีต่อใจ" ไม่ว่าจะโดย "ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ" ก็ตาม..

อันที่จริง การทำเรื่องที่ "ดีต่อใจ" กับลูกน้อง และ ลูกค้านั้น... ง่ายกว่าเยอะ! (แต่ทำไมไม่ค่อยทำกัน!?)

อะไรบ้างที่เราในฐานะ หัวหน้า หรือผู้จัดการ ผู้บริหารระดับสูง..ควรคิดควรทำเพื่อให้ "ดีต่อใจ" ลูกน้องและลูกค้า !?

ไม่น่าจะใช่เรื่องยากใช่มั้ยครับ ถ้าจะคิด จะทำกันจริงๆ...

ถ้าเลิกคิดว่า ลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว เกิดปัญหาในการใช้ หรือไม่เข้าใจอะไรก็ตาม แล้วลูกค้าบ่น ต้องการให้ช่วยแก้ปัญหา แต่คนของเรากลับไปคิดว่า น่ามคาญจริมๆ (น่ารำคาญ) ลูกค้าแบบนี้...อันตรายมากเลยครับที่ทำร้ายจิตใจลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่ซื้อหรือใช้สินค้าของเรามายาวนาน ต่อเนื่อง!

เพราะหาลูกค้าใหม่แทบตาย แต่ไม่รู้จักรักษาลูกค้า ก็ไร้ประโยชน์กับธุรกิจ ระยะยาวธุรกิจก็ไปไม่รอดแน่!

เรื่องที่ "ดีต่อใจ" กับลูกค้า ถ้าท่านจะทำ ก็สามารถทำได้เยอะแยะ เช่น..

ก่อนซื้อ..และระหว่างซื้อ คนของท่านให้ข้อมูล ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำลูกค้าแบบมืออาชีพ ไม่ยัดเยียดขาย แต่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจ...ไม่ว่าจะซื้อกับเราหรือไม่ก็ไม่เป็นไร!

ส่วนหลังการซื้อ..คนของท่านบริการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะ เป็นระบบ เพื่อให้ลูกค้าของท่านได้รับ ประสบการณ์ที่ดีทั้งกับตัวสินค้า และการบริการเชิงรุกของท่าน ไม่ต้องรอให้ลูกค้าเอ่ยปาก ไม่ต้องรอให้ลูกค้าเกิดปัญหาแล้วค่อยตาลีตาเหลือกไปแก้ไขแบบลวกๆ อย่างที่หลายๆ ธุรกิจมักจะทำกันด้วยความเคยชินคือทิ้งลูกค้าเมื่อขายเสร็จ!

รับรองว่า ถ้าลูกค้ารู้สึกดีต่อใจ นอกจากจะซื้อจะใช้สินค้าของท่านอย่างต่อเนื่อง ยังชวนญาติชวนเพื่อนชวนคนรู้จักให้มาเป็นลูกค้าของท่าน โดยท่านไม่ต้องเหนื่อยหรือสิ้นเปลืองงบการตลาด การขายในการหาลูกค้าใหม่

ลองคำนวณดีๆ สิครับ...ท่านจะเห็นว่า งบประมาณในการสร้างประสบการณ์ที่ดีและรักษาลูกค้า จนได้ลูกค้าแนะนำ ใช้งบน้อยกว่าการหาลูกค้าใหม่ แล้วลูกค้า "ถูกเท" หรือทิ้งขว้างจนเลิกใช้ ไป อันไหนดีกว่ากัน!?

ถ้าเลิกมองว่า ลูกน้อง คือคนที่เงินเดือนก็ต่ำกว่าเรา ตำแหน่งก็ต่ำกว่าเรา ประสบการณ์และความเก่งก็ไม่น่าจะเทียบกับเราได้... คิดแบบนี้ก็ถูกครับ ถูกตามข้อเท็จจริง แต่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะนำระดับใดก็ตาม!

ใครที่คิดแบบนี้กับลูกน้อง...มั่นใจได้เลยว่า ไม่เคยได้ใจลูกน้อง เพราะไม่เคยคิด ไม่เคยทำเรื่องที่ ดีต่อใจ แต่ถนัดและเชี่ยวชาญนักในการ "ทำร้ายจิตใจ" ลูกน้อง!

เรื่องที่ "ดีต่อใจ" กับลูกน้อง ที่ท่านสามารถทำได้ง่ายๆ แต่ขอให้ทำจาก "ความรู้สึกที่ดีจริงๆ" มีเยอะครับ เช่น..

ปฏิบัติกับลูกน้องของท่าน..ด้วยความรัก ความปรารถนาดี เอาใจใส่ความรู้สึก(ไม่ใช่คิดแต่จะเอาผลงานโดยไม่สนใจสังขารจะเป็นจะตายก็ช่างมัน!)ในทุกการแสดงออก ในทุกการสื่อสาร มันยากตรงไหนเนี่ยที่จะทำ!?

ที่แนะนำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนโลกสวยนะ...แต่ไม่อยากให้ ลูกน้องของท่านที่เจอสถานการณ์แย่ๆ แบบนี้ รู้สึกว่า "ซวยจริงๆ ที่มีเจ้านายแบบนี้!"

คนทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อยากได้รับการปฏิบัติที่ดี เห็นคุณค่า...ท่านว่าจริงมั้ยล่ะ!?

คิดในมุมของลูกน้องบ้าง เพราะท่านก็เคยเป็นลูกน้องมาก่อนไม่ใช่หรือ....?

คิดในมุมของลูกค้าบ้าง เพราะท่านก็เป็นลูกค้าของสินค้า-บริการ ที่ท่านใช้หลายๆ อย่างในชีวิตประจำวันหรือใช้ในที่ทำงานไม่ใช่หรือ..!?

ทำเถอะครับ.. เรื่องที่"ดีต่อใจ"กับลูกน้อง และ ลูกค้า ผลที่ได้คือ..ความสุขใจของท่านเองที่จะได้รับก่อนใคร!

และแน่นอน ทั้งลูกน้องและลูกค้า ก็สุขใจไม่น้อยไปกว่าท่านเช่นกัน แต่ท่านจะได้ลูกค้าที่อยู่กับท่านยาวๆ และลูกน้องที่ทำงานอย่างมีความสุข สนุกกับงาน ทุ่มเทเต็มที่

แค่นี้ดีพอมั้ยครับกับเรื่อง "ดีต่อใจที่ท่านควรทำ!?"