จังหวะลงทุนหุ้นอินเดีย สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

จังหวะลงทุนหุ้นอินเดีย สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

จังหวะลงทุนหุ้นอินเดีย สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

ในปี 2560 นี้ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในเกณฑ์ขยายตัว โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวดีขึ้นเป็น 3.4% จากปี 2559 ที่ขยายตัวราว 3.0% ตามการฟื้นตัวของการลงทุนและการค้าของโลก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจะมาจากทางฝั่งประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย Donald Trump ที่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยรัฐบาล Trump จะมีพรรค Republican ครองเสียงข้างมากในสภา Congress ช่วยผลักดันให้เกิดการลดภาษีและการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐตามที่ได้หาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจโลกในปี 2560

การลงทุนช่วงนี้ แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวขึ้นมาในช่วง 2 เดือนกว่าหลังผลการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา แต่ก็มีประเทศที่เซอร์ไพรส์นักลงทุน โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2559 นาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ในการยกเลิกการใช้ธนบัตรมูลค่า 500 และ 1,000 รูปี โดยให้มีผลทันทีในวันรุ่งขึ้น เพื่อต้องการปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายและการคอร์รัปชั่น

ผลกระทบที่เกิดขึ้นของการยกเลิกใช้ธนบัตรทันทีนั้น สร้างความปั่นป่วนไปทั่วประเทศอินเดีย ประชาชนไม่มีเงินไปใช้จ่ายในการซื้อสินค้า แต่ส่วนใหญ่ก็ยอมรับกับมาตรการนี้ของรัฐบาลที่จะสร้างพื้นฐานการเติบโตของเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง ซึ่งร้านค้าต่างๆในประเทศอินเดียก็แก้ปัญหาโดยหันมาใช้ธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แทนอย่างเช่นรับบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือจ่ายเงินระบบ Paytm ที่เป็นการชำระสินค้าผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทันทีกว่า 400% หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกธนบัตร

สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจอินเดียนั้น ได้รับผลกระทบจากการเลิกใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปีอย่างแน่นอน แต่ก็คาดว่าแค่ช่วงระยะหนึ่ง โดยคาดว่า GDP อินเดียในปีงบประมาณ 2559 (สิ้นสุด มี.ค. 2560) อาจชะลอตัวลงค่อนข้างมาก มาอยู่ที่ 6.5% จากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 7.5% แต่ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจอินเดียจะกลับมาฟื้นตัวได้ อย่างแข็งแกร่งถึง 7.5% ในปีงบประมาณ 2560  เนื่องจากมาตรการอื่นๆ ของภาครัฐที่จะยังคงสนับสนุนกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ การใช้จ่ายผ่านโครงการลงทุนภาครัฐ การปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษีให้เท่าเทียมกันทั่วประเทศจากที่แต่ละรัฐจัดเก็บไม่เท่ากัน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ

ทางด้านเงินเฟ้อที่เคยเป็นปัญหาของประเทศอินเดียก็ปรับตัวลดลงตามการชะลอตัวของการบริโภคในประเทศมาอยู่ที่ 3.41% ในเดือนธ.ค. 2559 จากที่สูงถึง 6.00% ในเดือนก.ค. 2559 เปิดทางให้ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะมีช่องว่างในการลดอัตราดอกเบี้ยลงจากระดับปัจจุบันที่ 6.25% ได้อีกประมาณ 0.75% ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย ทั้งนี้ ธนาคารกลางของอินเดียจะมีการประชุมนัดแรกของปีนี้ในวันที่ 7-8 ก.พ.2560

ฉะนั้น ในจังหวะที่ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลดลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในระยะหนึ่งนั้น เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน เพราะ ผลกำไรในตลาดหุ้นอินเดียยังคงมีอัตราการเติบโตได้ 12% ในปี 2560 และ 15% ในปี 2561 รวมถึงตลาดหุ้นอินเดียก็มี Downside ที่จำกัดหลังจากตลาดรับรู้การยกเลิกใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปีไปได้ปรับตัวลงมากว่า 12% ทำให้จังหวะนี้ ตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจในการเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรครับ