'อเมริกา ไม่ค้าเสรี'

'อเมริกา ไม่ค้าเสรี'

นายโดนัล ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกาโดยสมบูรณ์แบบแล้ว

หลังกล่าวสาบานตนพร้อมระบุแนวคิดการบริหารงานผ่านคำพูดสั้นๆว่า “อเมริกาเป็นอันดับแรก” ตีความง่ายๆคือจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของอเมริกา

“ทรัมป์เป็นคนฉลาดแต่ขาดการระมัดระวัง และไม่ควรคาดการณ์นโยบายล่วงหน้ามากเกินไป เพราะทรัมป์มักทำอะไรเหนือความคาดหมายเสมอ” นี่เป็นความเห็นจากกลุ่มนักเจรจาการค้าท่ีมีต่อประธานาธิบดีคนที่ 45 ของอเมริกา ที่เหมือนจะยอมรับว่าอเมริกันวันนี้คาดเดาได้ยากแม้ภาพในอดีตคือผู้นำการค้าเสรี

ถ้าไม่รู้ว่าทรัมป์จะทำอะไรงั้นมาดูว่าทีมงานของทรัมป์น่าจะทำอะไรบ้าง

นายโรเบิร์ต ไลท์ทิเซอร์ผู้แทนการค้าสหรัฐหรือยูเอสทีอาร์เคยเป็นรองผู้แทนการค้าสหรัฐ สมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เคยเป็นทนายความให้บริษัทสหรัฐที่ถูกสินค้านำเข้าทุ่มตลาด จึงเชี่ยวชาญกฎหมายการค้าแต่คิดปกป้องอุตสาหกรรมภายใน จึงถูกมองว่าไม่สนับสนุนการค้าเสรี

และโจทย์สำคัญที่ทรัมป์มอบหมายให้ยูเอสทีอาร์คนนี้ให้ดำเนินการภายใน 100 วัน คือ การตรวจสอบดุลการค้ากับประเทศที่สหรัฐเสียดุลเป็นรายประเทศ เพื่อกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้า โดยมีเป้าหมายที่จีนและเม็กซิโก

นอกจากนี้ ยังมีแนวความคิดที่จะใช้เรื่องกีดกันทางการค้า มาเป็นเงื่อนไขเปิดเจรจาการค้าระดับทวิภาคี กับประเทศที่สหรัฐต้องลดเสียดุลการค้า ซึ่งมีแนวโน้มว่าหลังจากนี้สหรัฐจะไม่ให้ความสำคัญกับเวทีการค้าระดับพหุภาคี

คนต่อมาคือนายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีพาณิชย์เป็นนักธุรกิจที่มีสินทรัพย์มูลค่ารวม 2,500 ล้านดอลลาร์เป็นผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่ซื้อกิจการเหล็กมาเพื่อควบรวมกิจการ และนำไปขายต่อทำกำไร ทำให้ ถูกระบุว่าไม่สนับสนุนการค้าเสรี

คนสุดท้ายคือนายปีเตอร์ นาวาโร่ ผู้อำนวยการสภาการค้าแห่งชาติประจำทำเนียบขาวผู้กำกับหนังกึ่งสารคดี Death By China

น่าจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ถือเป็นผู้ที่มีความรู้ทางเศษฐกิจ ด้วยดีกรีปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ ฮาร์วาร์ดรู้จักทรัมป์ต้นปี 2559

"คนกลุ่มนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขเปิดหรือปิดล็อกการค้าของสหรัฐและคู่ค้าต่างๆรวมถึงไทย ซึ่งไทยเองก็มีประเด็นที่สหรัฐจะสามารถหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขกีดกันทางการค้า อาจจะไม่ใช่เพื่อทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อะไรได้ เพราะมูลค่าการค้าสองฝ่ายน้อยมากเมื่อเทียบกับโจทก์สำคัญอย่างจีน แต่ถ้าเป็นไปตามคำสาบานตนที่ว่า "อเมริกาเป็นอันดับแรก" การจะเข้มงวดกับไทยมากขึ้นก็เป็นเรื่องนี้ไม่อาจมองข้าม

การส่งออกของไทยไปสหรัฐในเดือน ม.ค.-พ.ย.2559 มูลค่า 22,502 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 1.7% ส่วนการส่งออกทั้งปี 2558 มูลค่า 24,056 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 0.69% สินค้าส่วนใหญ่ได้แก่ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ข้าว ยางพารา

ปัจจุบันสหรัฐเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐมากกว่า 10% แซงหน้าจีนไปเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว

 ...............................................

ปราณีหมื่นแผงวารี