รอบตัวคือแหล่งความคิดเพื่อนวัตกรรมที่มักมองไม่เห็น

รอบตัวคือแหล่งความคิดเพื่อนวัตกรรมที่มักมองไม่เห็น

วันนี้ใครๆ ก็เรียกหาความคิดใหม่ๆ มาสร้างนวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนโฉมหน้าของการทำงาน

 แม้แต่การงานแบบเดิมๆ ที่ทำเหมือนอย่างที่เคยทำมาแล้วห้าปีสิบปี ก็ยังพยายามสรรหาชื่อใหม่ๆ ว่าแสดงทำนองว่าวันนี้ฉันทำแบบใหม่แล้วนะ เหล้าเก่าในขวดใหม่จึงมีให้พบเห็นกันเป็นประจำในยุคนี้ ใครไม่มีความคิดอะไรใหม่ๆ มีโอกาสตกเวทีได้ง่ายๆ 

แต่หากสังเกตดีๆ จะพบว่า นวัตกรรมที่ว่าเป็นเรื่องใหม่ทันสมัยหลายเรื่อง ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เอาเรื่องเก่ามาใส่เทคโนโลยีใหม่ เคยทำรายการไปออกโทรทัศน์ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปออกโทรทัศน์ ย้ายมาออกทางเฟสบุคแทนได้ รายการคือเรื่องเก่าที่เคยทำอยู่ เพียงแต่เอาเฟสบุค ของใหม่ มาแทนโทรทัศน์ 

ดังนั้น ลองเริ่มต้นด้วยการค้นหานวัตกรรมจากรอบๆ งานเก่าที่เคยทำอยู่ก่อน มองไปรอบๆ ตัวเพื่อหาหนทางปรับปรุงสารพัดสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานให้ดีขึ้นในทางใดทางหนึ่ง เพียงแต่ให้ทบทวนทุกขั้นตอนที่เราทำงานเดิมว่าตรงนี้ทำให้ง่ายขึ้น ทำให้เร็วขึ้น ทำให้ถูกลงได้หรือไม่ อย่าทำงานไปตามความคุ้นเคยแต่ให้คอยถามตัวเองว่า ขั้นตอนนี้ตัดออก หรือเปลี่ยนแปลงอย่างไรได้บ้าง ขั้นตอนนี้เปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีอื่นได้บ้างหรือไม่ 

ถ้าเป็นการงานบริการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ก็ลองสังเกตดูว่าที่พอใจคืออะไร ที่ไม่พอใจคืออะไร แล้วจะลด หรือเพิ่มอะไรขึ้นมาแล้วไม่พอใจน้อยลง พอใจมากขึ้น ขอเพียงแค่ทำไปถามไปว่าทำไมต้องทำแบบเดิม แค่นี้ก็มีโอกาสมองเห็นสารพัดนวัตกรรมได้แล้ว

รอบตัวที่กว้างขึ้นมาอีกหน่อยคือไปดูหน่วยงานข้างเคียงว่าเขาทำอะไรที่เราพอเอามาดัดแปลงให้เกิดประโยชน์กับงานของเราได้บ้าง วิธีนี้ได้ผลมาแล้วกับนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี้หลายคน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าอับอายที่จะนำวิธีการที่คนอื่นทำมานานแล้ว มาดัดแปลงเป็นของใหม่สำหรับการงานของเรา เพียงแต่อย่าไปลอกเขามาโดยไม่รู้ไม่เข้าใจที่มาของวิธีการทำงานแบบนั้น  

ถ้าเป็นหน่วยงานที่เป็นคู่แข่งยิ่งน่าจะมองหาความคิดใหม่ๆ จากหน่วยงานที่เป็นคู่แข่งนั้น อย่าให้อัตตามาบังไม่ให้เห็นอะไรดีๆ ที่คู่แข่งทำอยู่ ลองสังเกตอย่างตั้งอกตั้งใจว่าที่คู่แข่งทำแล้วได้ผลดีคืออะไร และจะดัดแปลงมาใช้กับเราได้อย่างไร โปรดระลึกไว้เสมอว่านวัตกรรมในโลกนี้ส่วนใหญ่เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่เดิม นานๆ สักครั้งจะเป็นของใหม่เอี่ยมที่ไม่เคยมีมาก่อน

นักปราชญ์บางคนเชื่อว่าปัญหาทั้งหลายที่พบเห็นในวงการหนึ่ง อาจมีอีกวงการหนึ่งที่ได้แก้ไขปัญหานั้นไปแล้ว จึงอาจหยิบยืมวิธีการจากวงการนั้นมาดัดแปลงใช้ภายในบริบทของเราได้ เพียงแต่ต้องยอมสละเวลาทำความเข้าใจกับบริบทของวงการนั้น ให้เข้าใจท่องแท้ว่าอะไรทำให้วิธีการที่เราพบเห็นจากวงการนั้น ไปช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร เราจึงจะสามารถดัดแปลงมาใช้กับของเราได้ 

ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะนำมาใช้ได้เป็นส่วนๆ ไม่ใช่ยกรวมมาจากวงการใดวงการหนึ่ง เรื่องการบริหารอาจมาจากวงการหนึ่ง กระบวนการทำงานอาจมาจากอีกวงการหนึ่ง จึงต้องระวังไม่ให้กลายเป็นจับแพะชนแกะ ที่ไม่ใช่แค่ไม่ได้ผลดี แต่จะกลายเป็นความโกลาหลขึ้นมาแทนเสียอีก

ถ้ามองตั้งแต่ใกล้ตัวที่สุดคือการทำงานของตัวเราเอง ขยายวงไปที่หน่วยงานอื่นในวงการเดียวกัน และขยายต่อไปวงการอื่นนอกวงการงานของเราแล้วก็ยังหาอะไรใหม่ๆ ไม่ได้ อาจต้องลองวิธีของจอมยุทธ์ในหนังจีน คือสังเกตหาแนวคิดจากธรรมชาติ ที่อยู่รอบตัวเรา 

นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่หลายคน พบทฤษฏีใหม่ จากการเฝ้าสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติ จนได้ทฤษฏีที่นำไปสู่สิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์กับผู้คนจนถึงทุกวันนี้ เทคนิคที่ใช้ได้ผลดีในการหาแนวคิดจากธรรมชาติ คือตั้งคำถามว่าทำไมกับธรรมชาติที่เราสังเกตดูอยู่ คำตอบบางคำตอบจะดัดแปลงไปใช้สร้างความคิดใหม่ ๆให้กับงานของเราได้

ความคิดดี ๆมีให้เห็นอยู่รอบ ๆตัวของเรา เจ็ดสิบเปอร์เซนต์อยู่ภายในหน่วยงานที่ทำงานกันอยู่ ยี่สิบเปอร์เซนต์มาจากวงการเดียวกัน ส่วนอีกสิบเปอร์เซนต์มาจากธรรมชาติและนอกวงการ ดังนั้นใคร ๆก็มีความคิดใหม่ๆ ที่ใช้ประโยชน์ได้ หากมุ่งมั่นอย่างจริงจังและรู้จักเฝ้าดูรอบตัว