ขุมทรัพย์ปีระกา

ขุมทรัพย์ปีระกา

ขุมทรัพย์ต้นปีระกา เบื้องต้นน่าจะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าพันธบัตร

หลายปีมานี้ ความกลัว ‘เงินฝืด’ ก่อกวนตลาดเป็นระยะ เปิดปีระกามา นอกจากเรื่อง Mr. Trump แล้ว เราเริ่มได้ยินตลาดพูดถึง “แนวโน้มเงินเฟ้อขาขึ้น” หรือ “Reflation” กันหนาหู เงินเฟ้อที่ค่อยๆ ขยับขึ้น เกิดจากราคาน้ำมันฟื้นตัวด้วยข้อตกลงลดการผลิตของ OPEC และคาดการณ์เม็ดเงินลงทุนภายใต้นโยบายการคลังของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะเข้ารับตำแหน่งในคืนนี้ อีกเรื่องที่ตลาดจับเทรนด์คือ “ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ“ ที่แข็งค่าขึ้น ตามบทบาทกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเข้มข้นของคณะรัฐมนตรีของ Mr.Trump ที่ดูจากรายชื่อแล้ว ล้วนเต็มไปด้วยนักธุรกิจและนักการเงินธนาคารชั้นนำ รวมทั้งการขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของ FED

แล้ว...สินทรัพย์อะไรคือขุมทรัพย์ ในภาวะ “Reflation” และดอลลาร์แข็ง ตำราว่าไว้ “หุ้นชนะเงินเฟ้อ” แล้วควรลงหุ้นที่ไหนล่ะ? ถ้าดอลลาร์แข็ง สินทรัพย์สกุลดอลล่าร์น่าจะดี

หุ้นสหรัฐ-เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ธุรกิจมีกำไรเติบโต บวกกับความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จะทำให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นสหรัฐไปต่อ ดัชนี S&P 500, Dow Jones Industrial Average และ NASDAQ แตะจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ...นักลงทุนบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าหุ้นสหรัฐฯ แพงไปหรือยัง (PE ratio ของดัชนี S&P 500 ใน 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 17.4 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปี ที่ 14.5 เท่า) ถ้าบริษัททำกำไรมากขึ้นได้จริง หุ้นที่ดูเหมือนแพงก็จะถูกลง ดูดีมีภาษีกว่าหุ้นภูมิภาคอื่นๆ ที่ยังดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเศรษฐกิจชะลอตัว

หุ้นญี่ปุ่น-ดอลลาร์สหรัฐ แข็งทำให้เงินเยนอ่อน และเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่ประกอบไปด้วยธุรกิจส่งออกและได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ ซึ่งหลังประกาศผลเลือกตั้งสหรัฐ เงินเยนอ่อนค่าไปแล้วกว่า 7% และดัชนี Nikkei 225 ปรับขึ้นไป 16%

หุ้นธนาคาร-ด้วยแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น กำไรของธนาคารพาณิชย์จะเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างดอกเบี้ยกู้ยืมกับเงินฝากที่กว้างขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายกฎระเบียบ ลดความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ของธนาคารผ่านการยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนกฎหมาย Dodd Frank มุมมองหุ้นธนาคารทั่วโลกก็ดูดีขึ้น

หุ้นกู้เอกชน High Yield-ประเด็นที่น่าสนใจหลัง Mr. Trump ได้รับเลือกตั้ง นอกจากผลตอบแทน พันธบัตรดีดขึ้น (ราคาลดลง) แล้ว มีข้อสังเกตว่าหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ หรือ High Yield ที่แม้จะได้รับผลกระทบในช่วงแรก แต่ภายในครึ่งเดือน หุ้นกู้กลุ่มนี้สามารถพลิกผลขาดทุนกลับมาเป็นกำไรได้ ขณะที่หุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่า เช่น พวก Investment Grade ยังได้รับแรงกดดันต่อเนื่อง นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีนิติบุคคลของสหรัฐ น่าจะเพิ่มกำไรของบริษัทในสหรัฐ อีกด้วย

ในทางกลับกัน สินทรัพย์ที่น่ากระทบด้านลบ อาจจะรวมถึง ทองคำ-ปัจจัยกดดันราคามาจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และบรรยากาศลงทุนที่กลับมาในโหมด Risk-on หรือกล้าเสี่ยงมากขึ้น ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยจึงลดลง

โดยสรุป ขุมทรัพย์ต้นปีระกา เบื้องต้นน่าจะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าพันธบัตร อย่างไรก็ดี หลากหลายอุปสรรครออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งในประเทศหลักของยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี รวมถึงความเสี่ยงที่ Mr. Trump จะไม่สามารถสร้างเศรษฐกิจได้อย่างที่หาเสียงหรือเท่าที่ตลาดให้ความหวัง ในช่วงเวลาแห่งความไม่มั่นใจนั้น เงินทุนที่เคยไหลเข้าในหุ้น อาจไหลเข้าตลาดพันธบัตร ขอให้ลงทุนด้วย “3 ร” รอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง