ลีลาสีจิ้นผิงที่ดาวอส : มังกรยักษ์สยายปีก
สีจิ้นผิงทักทายประธานาธิบดีดอริส ลูธฮาร์ด ของสวิสเซอร์แลนด์ที่ดาวอส
ก่อนเริ่มประชุมใหญ่ของ “เวทีเศรษฐกิจโลก”
ขณะที่คนกำลังสับสนงุนงงกับทิศทางของสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (ที่กำลังจะเข้าทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งวันนี้) ผู้นำจีนสีจิ้นผิงก็ไปปรากฏตัวในเวทีระดับโลกอย่าง World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์อย่างโดดเด่น
คำปราศรัยของประธานาธิบดีจีนมีทั้งเนื้อหาและวาทะคมกริบ มีทั้งข้อเสนอระดับโลกแฝงปรัชญาลุ่มลึกของจีน
ในยามที่เกิดช่องว่างในเวทีระหว่างประเทศ สีจิ้นผิงนำเสนอตัวเองเป็นผู้นำโลกได้อย่างถูกจังหวะ
เขาเป็นประธานาธิบดีจีนคนแรกที่มาร่วมประชุมประจำปีในเวที WEF ซึ่งเป็นชุมนุมของนักการเมือง, นักธุรกิจและนักวิชาการระดับโลก
ไม่มีจังหวะไหนจะเหมาะเจาะสำหรับการบอกกล่าว ให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าจีนพร้อมจะเล่นบท “ผู้ใหญ่” ในขณะที่ผู้นำสหรัฐถูกมองว่ายังต้องสร้างสม “วุฒิภาวะ” อีกหลายชั้นจึงจะสามารถสั่งสมบารมี ให้เทียบกับผู้นำประเทศยักษ์อย่างจีนได้
โลกเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาดเมื่อผู้นำจีนออกมาปกป้อง “โลกาภิวัตน์” และประกาศว่าหากเกิด “สงครามการค้า” ก็จะไม่มีผู้ชนะ มีแต่ผู้แพ้
วาทะแต่ละประโยคล้วนแฝงไว้ซึ่งแนวคิดยุคใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องเดินตามหลักการคอมมิวนิสต์เดิม และวางตนอยู่ในฐานะเป็นผู้นำด้านการผลักดันให้มีการค้าขายระหว่างประเทศอย่างเสรี
ยืนอยู่คนละข้างกับทรัมป์ที่มาในมาดของการปกป้องประโยชน์ของตัวเอง ก่อนจะพูดถึงภาพรวมของโลก
สีจิ้นผิงบอกว่า “การใช้นโยบายกีดกันการค้าก็เหมือนปิดตัวเองไว้ในห้องมืด อาจจะดูเหมือนปลอดจากลมและฝน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการขังตัวเองจากแสงแดดและอากาศ”
เขาย้ำว่าใครเข้าประลองในสงครามการค้าก็เจ็บทั้งสองฝ่าย
สีจิ้นผิงบอกว่าใครที่วิจารณ์ว่าความถดถอยของเศรษฐกิจโลก เกิดจากโลกาภิวัตน์นั้นเป็นความเข้าใจผิด
“จะโทษโลกาภิวัตน์ไม่ได้ ควรจะโทษความขัดแย้งในภูมิภาคต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ รวมถึงวิกฤตผู้ลี้ภัยในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ” เขาบอก
โลกาภิวัตน์อาจเป็น “ดาบสองคม” และจีนมีส่วนที่ได้ประโยชน์ และขณะเดียวกันก็มีส่วนผลักดัน การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกประมาณ 30%
“จีนจะไม่อิจฉาตาร้อนประเทศอื่น และเราจะไม่บ่นหากประเทศอื่นได้ประโยชน์จากการพัฒนาของจีน... เรายินดีที่ประเทศอื่นจะมาแบ่งปันโอกาสที่เกิดจากการพัฒนาของเรา...” ผู้นำจากปักกิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจเหลือหลาย
ผู้นำจีนคงประเมินแล้วว่าการประชุม WEF ครั้งนี้ผู้นำสหรัฐฯคนใหม่คงไม่ปรากฏตัว มีแต่รองประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะลงจากตำแหน่งถูกส่งมาแทน บารัก โอบามา ซึ่งไม่ว่าจะพูดอะไรก็เท่ากับสะท้อนอดีตมากกว่าอนาคต
ไบเดนเน้นว่าคนร่ำรวย 1% ของโลกมีหน้าที่จะต้องทำอะไรมากมาย เพื่อให้สังคมที่เหลือสามารถอยู่ได้อย่างเป็นธรรมและมีศักดิ์ศรี
“เราต้องถามตัวเองว่าเราจะส่งผ่านโลกแบบไหนให้กับลูกหลานรุ่นต่อไป?” เขาถาม
เป็นคำปราศรัยกว้าง ๆ ที่ไม่อาจจะเทียบน้ำหนักของสีจิ้นผิงที่มีลีลาเหมือนจะเป็นผู้กำหนด “วาระของโลกพรุ่งนี้” ได้
ลีลาของสีจิ้นผิงในเวทีระดับโลกครั้งนี้ ตอกย้ำว่ามังกรยักษ์กำลังจะสยายปีก อวดแสนยานุภาพ และพร้อมจะตั้งรับทรัมป์ที่ส่งสัญญาณ จะแหย่หนวดมังกรด้วยมาดของคาวบอยสะเปะสะปะ
โลกกำลังจะผลัดใบครั้งใหญ่ครับ