แนวโน้มการลงทุนปี2560

แนวโน้มการลงทุนปี2560

แนวโน้มการลงทุนปี2560

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน เริ่มต้นรับปีใหม่มาด้วยความผันผวนของตลาดสินทรัพย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่ยังปรับตัวในทิศทางขาขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่เริ่มพลิกผันกลับมาบวก อัตราเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ราคาทองคำที่กลับมาแข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวอยู่ได้ รวมถึงตลาดพันธบัตรที่อัตราผลตอบแทนเริ่มมีทิศทางที่ลดความร้อนแรงลง พร้อมเหตุการณ์ที่ต้องเฝ้าติดตามไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถ้อยแถลงถึงทีท่าของอังกฤษ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางของสินทรัพย์ต่าง ๆ ในวงกว้างเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงของนโยบายต่าง ๆ จะส่งผลเชิง มหภาคต่อทิศทางของเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวของเม็ดเงิน ตลอดจนราคาของสินทรัพย์ต่าง ๆ

อย่างไรก็ดี ทิศทางใหญ่ ๆ ในปีนี้ที่น่าจะพอมองเห็นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องแรก คือ

1.เศรษฐกิจโลกน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งเมื่อรวมกันจะเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่

2.ทิศทางของเงินเฟ้อที่น่าจะเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางของเศรษฐกิจรวมถึงราคาน้ำมัน หรือสะท้อนนโยบายมหภาค ซึ่งแน่นอนถ้าเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มที่สูงขึ้น

3.อัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยเฉพาะของทางฝั่งสหรัฐอเมริกาก็น่าจะเริ่มปรับเพิ่มขึ้น แม้บางกลุ่มประเทศจะยังไม่จำเป็นต้องรีบปรับตามไม่ว่าจะเป็นทางกลุ่มสหภาพยุโรป หรือทางญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้เกิดส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยทำให้

4.ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ อันนี้จะส่งผลกระทบในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเคลื่อนย้ายของเม็ดเงิน หรือทิศทางการส่งออก

ซึ่งเมื่อเรามองทิศทางใหญ่ ๆ แล้วก็คงมาพิจารณาว่า แล้วเราควรจะวางแผนการลงทุนอย่างไรเพื่อให้ได้ประโยชน์ หรือลดความเสี่ยงจากการลงทุนให้กับพอร์ตความมั่งคั่งของเรา อย่างแรกคือเมื่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัตรเริ่มปรับตัวสูงขึ้น การถือครองพันธบัตรหรือตราสารหนี้ระยะยาวไว้ย่อมได้รับผลตอบแทนที่น้อยลง แม้ว่าในปลายปีที่ผ่านมาผลตอบแทนของพันธบัตรได้เริ่มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในช่วงต้นปีนี้จึงมีแรงขายทำกำไรออกมา แต่แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยก็ยังคงมีอยู่ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวจึงไม่ควรจะให้น้ำหนักมากนัก

ในส่วนของกลุ่มหลักทรัพย์ประเภทรีทส์ ที่เคยได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเริ่มมีการปรับตัวลดลง ด้วยเหตุผลที่คล้าย ๆ กับตราสารหนี้ คือเมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้นราคาของพันธบัตรหรือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างคงที่อย่างรีทส์ก็ปรับตัวลดลง ดังนั้นในปีนี้เราคงไม่สามารถคาดหวังว่าราคาของกองทุนประเภทรีทส์จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ๆ เหมือนเมื่อหลายปีก่อนได้ยาก แต่ผมยังเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ถึงจะปรับขึ้นแต่ก็อยู่ในระดับที่ไม่มากและยังไม่ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้กลับมาน่าสนใจ การลงทุนในกองทุนประเภทรีทส์จึงยังคงน่าสนใจอยู่ (แต่อย่าคาดหวังถึงการเพิ่มขึ้นของราคามากนัก) 

สิ่งที่น่าสนใจคือกองรีทส์ที่มี 1) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่า 4% หรือ 5% เรียกว่ายิ่งสูงยิ่งดี 2) มีการเติบโตของรายได้ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นบรรดากลุ่มอาคารสำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้าที่มีการปรับค่าเช่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ยิ่งเศรษฐกิจดี เงินเฟ้อสูงยิ่งปรับขึ้นได้มาก) 3) มีสัดส่วนของหนี้ในกองที่ไม่สูงมากนัก เพราะจะได้ไม่ต้องได้รับผลกระทบเชิงลบจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งกรณีกองทุนรีทส์ในประเทศเราจะมีสัดส่วนของหนี้ที่น้อยกว่า กองรีทส์ของประเทศสิงคโปร์ หรือประเทศอื่นๆ

ด้านตลาดหุ้น นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าหุ้นกลุ่มที่มีการเติบโตกำไรสูงน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น อย่างในสหรัฐที่กลุ่มหุ้นในตลาดแนสแดค และหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี (รวมถึงคาดหวังมาตรการด้านภาษี) ในบ้านเราหรือตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาก็เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ผมยังอยากให้มองหุ้นกลุ่มที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงและยังมีแนวโน้มของการเติบโตของกำไรเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะถ้านักลงทุนเป็นกลุ่มที่พึ่งพิงรายได้จากพอร์ตการลงทุน เช่น กลุ่มคนที่เกษียณอายุแล้ว หรือพอร์ตของมูลนิธิ เป็นต้น

ครับ นี่ก็น่าจะเป็นแนวทางกว้าง ๆ ของการจัดสรรเงินลงทุนให้กับพอร์ตความมั่งคั่งของเราสำหรับปีนี้ ท้ายสุดนี้ผมก็ขออวยพรให้ทุก ๆ ท่านโชคดีกับการลงทุนตลอดปีใหม่นี้นะครับ