‘พรจากฟ้า’ ไม่#ชุดใหญ่ไฟกระพริบ แต่#ดีต่อใจ 

‘พรจากฟ้า’ ไม่#ชุดใหญ่ไฟกระพริบ แต่#ดีต่อใจ 

ครั้งสุดท้ายที่เราดูหนังในโรงหนังนั้น...เมื่อไหร่นะ แล้วยิ่งถ้าเจาะจงว่าเป็นหนังไทยด้วยล่ะ...นานแค่ไหนแล้ว

แต่ที่แน่ๆ สำหรับปรากฏการณ์บนออนไลน์ที่คนไทยช่วยกันสุดแรงในการเชิญชวนให้เพื่อนพ้องน้องพี่และคนที่ไม่รู้จัก ไปดู“หนังไทย”นั้น เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือยุคที่มีหนังเรื่อง“โหมโรง” ที่ออกมา หน้าหนังไม่น่าสนใจ เรื่องราวที่โปรโมทก็เป็นเรื่องของ “ดนตรีไทย” ที่ไม่ว่ามองมุมไหนก็ไม่น่าจะมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนได้สักเท่าไร 

แต่เมื่อมีคนจำนวนหนึ่งได้มีโอกาสเข้าไปดู แล้ว “ประทับใจอย่างยิ่งยวด” ถึงขนาดต้องพยายามทุกทางที่จะ “บอกต่อ” เพื่อหวังว่าพลังความพยายามจะเกิดผล ทำให้คนหันมาสนใจและตามไปดูหนังจริงๆ ซึ่ง “โหมโรง ในปี 2547” ทำได้สำเร็จมาแล้ว สามารถยื้อให้หนังที่กำลังหายใจรวยรินและเฉียดฉิวจะลาโรงสามารถต่อลมหายใจได้และทำให้หนังไทยนอกสายตาเรื่องนั้นกลายเป็นหนึ่งในหนังในดวงใจของใครหลายคน เห็นได้ชัดจากที่มีการทำละครโทรทัศน์และละครเวทีตามมาอีกเป็นระลอกกันเลยทีเดียว

ปี 2559 หลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคตไม่นานนัก ท่ามกลางหยาดน้ำตาและความอาลัยรักเหลือประมาณของคนไทย พร้อมมูลด้วยข้อมูลที่หลั่งไหลจากทุกทิศที่ชวนให้คนไทยรำลึกถึงในหลวงในดวงใจในแบบที่ได้ดูเมื่อไหร่ก็น้ำตารื้นน้ำตาไหลเกือบทุกครั้งคราว 

นอกจากสารคดีมากมายเราเริ่มเห็นสถานีโทรทัศน์หลายๆ ช่อง นำละครหรือภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติมาฉายใหม่หรือบางช่องถึงกับลงทุนสร้างและถ่ายทำใหม่จึงกลายเป็นว่าประชาชนคนไทยมีหนัง มีสื่อที่เป็นเรื่องราวของท่านให้เสพมากมายหลากหลายช่องทาง 

จนเมื่อสื่อสารเรื่องหนัง “พรจากฟ้า” ออกมาว่าจะมีการฉายในโรงภาพยนตร์ในช่วงแรก คนก็เข้าใจว่านี่เป็นอีกหนึ่งในสื่อเฉลิมพระเกียรติ ที่หากได้เสพก็คงจะต้องนำมาซึ่งความเศร้า ซึ้ง เป็นแน่แท้

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นแฟนหนัง GDH ได้นำร่องไปสัมผัสหนังเรื่องนี้ก่อน แล้วนำมาบอกต่อว่านี่คือหนังที่มีอรรถรสของหนังสมบูรณ์ครบถ้วนที่สร้างความรู้สึกดีๆ เรื่องหนึ่งจะพึงมีที่สำคัญเป็นหนังที่ได้สร้างเอาไว้แล้ว ก่อนที่ประเทศเราจะสูญเสียพ่อของแผ่นดินอันเป็นที่เคารพรัก 

บทเพลงพระราชนิพนธ์ ที่ประกอบอยู่ในเรื่องราวเป็นสิ่งที่นำมาคลุกเคล้าอย่างเหมาะเจาะลงตัว เป็นมหรสพพาณิชยศิลป์ที่เหมาะเจาะอย่างยิ่งที่จะดูในช่วงนี้ เป็นสิ่งที่เสพด้วยตา แล้ว #ดีต่อใจงดงาม หมดจด อิ่มเอม แม้ไม่ใช่อลังการงานสร้างขนาด #ชุดใหญ่ไฟกระพริบ ก็ตาม

กระแสเสียงจากโซเชียลมีเดียค่อยๆ กระจายวงกว้างขึ้น คำว่า “พรจากฟ้า” เมื่อสืบค้นใจกูเกิล จึงพบผลกว่า 6 ล้านลิ้งค์ เป็นหนังที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย เป็นหนังที่ดูแล้วคุ้มค่า เพราะราคาค่าตั๋วเพียง 99 บาท แต่เราสามารถสนุกสนานครบรสกับเรื่องราวที่ผูกร้อยกันถึง 3 เรื่อง คนที่อยากได้บรรยากาศความอบอวลของไอรัก ก็ได้สัมผัส คนที่อยากเขินอาย ครึ้มอกครึ้มใจกับความหล่อสวยมีเสน่ห์ของนักแสดงก็ได้ความรู้สึกนั้น คนที่อยากดื่มด่ำกับสุนทรีย์แห่งคีตดนตรีก็ยิ่งคุ้มค่า เพราะต่อให้ดูหนังผ่านไปแล้วหลายวัน หลายคนยังคงฮัมเพลงในหนังได้ไม่ลืมเลือน 

เป็นหนังที่ฉีกกฎวงการบันเทิงไทยที่ดารานักแสดงมักแต่งหน้ามากมายไม่สมจริง เพราะนักแสดงหลายคนในเรื่องนี้ “หน้าสด ดูจริงแต่ดูดี” อย่างน่าทึ่ง เป็นหนังที่หลายคนงุนงงกับบุคลิกซับซ้อนของตัวเอง เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวเขินอาย เดี๋ยวคึกคัก เคล้าคละปะปนกันสับสนไปหมด และปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังเรื่องนี้ทำให้คนดูทุกคนรู้สึกคิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างจับหัวใจแต่เป็นความรู้สึกที่อบอุ่น อิ่มเอม งดงาม และ #ดีต่อใจ กับคนทุกเพศ ทุกวัย จริงๆ

บทเพลง Still on My Mind และสาวอีสานรอรัก...ยังรอให้สายตาคนไทยอีกหลายคู่ ได้ดู“พรจากฟ้า”เพื่อที่จะได้สัมผัสความรู้สึกของการดูด้วยตา แต่อิ่มที่ใจ ร่วมกัน!