แนะซื้อหุ้นไทย ดักหน้า'ต่างชาติ' กลับต้นปี 60

แนะซื้อหุ้นไทย ดักหน้า'ต่างชาติ' กลับต้นปี 60

การลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะนี้ ถือว่าเหมาะกับการทยอยสะสมหุ้นใหญ่ ที่ราคาลงลึกๆ

 เพราะเท่าที่เห็นนักวิเคราะห์ประเมินกันว่า จากนี้ไปปัจจัยที่มีอิทธิพลดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหนุนมากกว่า โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ปัจจัยเชิงบวกที่มีความเป็นไปได้ คือ ความหวังเทศกาล January effect, แนวโน้มราคาน้ำมันน่าจะปรับตัวขึ้นได้อีกผลสะท้อนของมาตรการกระตุ้นของภาครัฐในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเงินลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เป็นต้น

บล.บัวหลวง ประเมินว่า ระยะเดือน ธ.ค. 2559 คาด แรงขายต่างชาติเริ่มชะลอลงในเดือน ธ.ค. และมีโอกาสที่เดือน ม.ค. ปีหน้า จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2555-2556 และ 2557 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. อิงสมมุติฐานต่างชาติถือหุ้นไทยเหลือเพียง 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี

หากคำนวณเม็ดเงินต่างชาติที่สามารถซื้อหุ้นไทย กลับไปสัดส่วนเฉลี่ย ที่ 32% คาดเม็ดเงินไหลมีโอกาสไหลเข้าได้ถึง 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งตามสถิติ เงินต่างชาติจะไหลเข้าช่วง มี.ค.เพื่อรับปันผลจากผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมา จึงแนะให้นักลงทุนซื้อดักหน้าไว้ก่อน

ขณะที่ฝ่ายวิจัยยังคงเป้าหมายดัชนีปี 2560 ที่ 1,670 จุด มีมุมมองเชิงบวกต่อภาพตลาดในปีหน้าโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก เพราะคาดมีปัจจัยหนุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ แนะนำหุ้นในกลุ่ม รับเหมา ค้าปลีก ธนาคาร และ น้ำมัน-ปิโตรเคมี แม้ที่ผ่านมา bond yield จะปรับตัวขึ้นมาแล้ว แต่จากการศึกษา equity yield gap พบว่า หุ้นไทยยังไม่แพง ซึ่ง gap ปัจจุบันอยู่ที่ 4.3% ซึ่งเทียบเท่าค่าเฉลี่ยระยะยาว และถึงแม้ FED จะมีการขึ้นดอกเบี้ยต่อส่งผลให้ bond yield ปรับตัวขึ้นอีก ซึ่งประเมินว่าหุ้นไทยจะเริ่มแพงที่ระดับดัชนี 1,700 ขึ้นไป

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส(ประเทศไทย) แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหากดัชนีหุ้นไทยถอยลงต่ำกว่า 1,450 จุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจะทำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ 10% ขึ้นไป จากเป้าหมายดัชนีปีหน้าคาดว่าแตะ 1,600 จุด แต่ในขณะเดียวกันไม่เชื่อว่าดัชนีจะร่วงลงแรงจนต่ำกว่าระดับ 1,400 จุด เนื่องจากคาดว่าจะมีเม็ดเงินกองทุน LTF และกองทุน RMF จะเริ่มไหลเข้ามากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนนี้ โดยปีนี้ประเมินไว้ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนหุ้นน่าทยอยซื้อสะสม หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตปีหน้าดี และหุ้นปันผล ซึ่งควรซื้อรอรับปันผลจ่ายในช่วงต้นปีหน้า

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า สัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนแต่ละประเภทในปี 2559 พบว่า นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ 8.08 หมื่นล้านบาทเช่นเดียวกันบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 2.59 หมื่นล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1.72 หมื่นล้านบาท และนักลงทุนภายในประเทศขายสุทธิ 8.9 หมื่นล้านบาท