ฮัลโล ท่านประธานาธิบดี!

ฮัลโล ท่านประธานาธิบดี!

ผมไม่ทราบว่าสถานทูตไทยที่วอชิงตันของเรา ได้ติดต่อกับคนรอบข้าง

ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐได้มากน้อยเพียงใด

อีกทั้งยังไม่มีข่าวว่าผู้นำอาเซียนประเทศไหน ได้ยกหูโทรศัพท์พูดคุยกับท่านผู้นำใหม่ของสหรัฐแล้วหรืออย่างไร

เพราะเท่าที่เป็นข่าวทรัมป์ได้สนทนาทางไกล กับผู้นำรัสเซียและจีนเป็นหลัก และต้อนรับนายกฯชินโซะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นที่ตึกทรัมป์ เทาวเวอร์ ณ นิวยอร์คเท่านั้น

ยังไม่มีข่าวว่า ทรัมป์ ยกหูถึงผู้นำเกาหลีเหนือหรืออิหร่าน ที่มีประเด็นความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ

หัวหน้าข่าวของ The Economist ประจำกรุงวอชิงตันที่ชื่อเดวิด เรนนีคุยกับนักการทูตต่างชาติบางส่วนจากทั้งหมดกว่า 180 คนที่เมืองหลวงสหรัฐแล้วได้ความว่า ท่านผู้นำใหม่ของอเมริกามีพฤติกรรมที่แตกต่างไป จากประธานาธิบดีสหรัฐคนก่อน ๆ ในเรื่องนี้แน่นอน

เพราะไม่มีระบบที่ผู้นำต่างชาติจะติดต่อทรัมป์แบบปกติ เพื่อแสดงความยินดีกับท่านได้

นักการทูตต้องวิ่งหาคนที่สนิทกับทรัมป์เป็นการส่วนตัว เพียงเพื่อจะหาเบอร์โทรศัพท์ที่จะติดต่อท่าน เพื่อให้ผู้นำของแต่ละประเทศโทรฯไปแสดงความยินดี

นักการทูตหลายคนพยายามโทรไปที่เบอร์ที่ Trump Tower ที่แมนฮัตตัน นิวยอร์ค แต่ติดต่อใครไม่ได้ เพราะไม่มีระบบที่เป็นกิจจะลักษณะ อยู่ที่ทรัมป์เองอยากจะคุยกับใครหรือไม่เมื่อไหร่มากกว่า

นักข่าวคนนี้เปรียบเทียบ Trump Tower เป็นเสมือนราชวังจีนยุคโบราณที่เรียกว่า Forbidden City ที่นักการทูตต่างด้าวเข้าถึงได้ยากยิ่ง เพราะกษัตริย์จีนสมัยนั้นถือว่าตัวแทนของต่างประเทศ ยังไม่มีอารยธรรมทันสมัยเพียงพอที่จะคบหาอย่างปกติ

ข่าวเล่าลือในแวดวงนักการทูตที่วอชิงตันบอกว่า เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำวอชิงตัน ที่พยายามจะหาเบอร์โทรศัพท์ให้นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ติดต่อแสดงความยินดีกับทรัมป์ว้าวุ่นอยู่พักใหญ่

จนได้เบอร์มือถือส่วนตัวของทรัมป์จากนักกอล์ฟคนดังออสเตรเลียคือเกร็ก นอร์แมน จึงติดต่อท่านผู้นำสหรัฐได้

อังกฤษเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐ แต่นายกฯเทเรซ่า เมย์ ไม่ใช่คนแรกๆ ที่ทรัมป์คิดถึง เพราะคนที่ได้ไปแสดงความยินดีที่ตึกทรัมป์ เทาเวอร์จากอังกฤษ คือ ไนเจล ฟาราช หัวหน้าพรรค UK Independence Party ซึ่งเชียร์ทรัมป์มาตั้งแต่ต้น

มิหนำซ้ำ ทรัมป์ยังส่งข้อความในทวิตเตอร์ว่า อยากจะเห็นนายกฯ อังกฤษตั้งไนเจล ฟาราชเป็นเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหรัฐ หน้าตาเฉย ไม่สนใจว่านี่คือการละเมิดมารยาททางการทูตอย่างร้ายแรง

สื่อทางการจีนรายงานว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ส่งโทรเลขแสดงความยินดีถึงทรัมป์ วันเดียวกับที่เขาชนะเลือกตั้ง

แต่กว่าทรัมป์จะสนองตอบความหวังดีจากผู้นำจีนได้ก็ใช้เวลา 5 วัน

นักสังเกตการณ์จีนบอกว่าทรัมป์ทำอย่างนี้ เสียมารยาท” ไม่น้อย เพราะมีคนจำได้ว่าเมื่อปี 2008 ตอนที่บารัก โอบามาชนะเลือกตั้งนั้น ประธานาธิบดีหูจิ่นเทากับโอบามาได้สนทนากันทางโทรศัพท์หลังรู้ผลเลือกตั้งเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น

วอชิงตันโพสต์รายงานว่า หลังวันเลือกตั้ง นักการทูตต่างประเทศทั้งหลายวิ่งกันให้วุ่น เพื่อไปร่วมงานเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ของทรัมป์ที่วอชิงตัน ที่ห่างจากทำเนียบขาวไม่มาก และจองห้องพักในโรงแรมแห่งนี้ให้คณะผู้แทนจากประเทศของตนเอง

นักการทูตจากเอเชียคนหนึ่งบอกนักข่าวโพสต์ว่า “เราจองห้องโรงแรมใหม่ของท่านว่าที่ประธานาธิบดีเพื่อจะได้บอกท่านว่า “ท่านครับ เราชอบโรงแรมใหม่ของท่านมาก ๆ เลยครับ”!

กษัตริย์เฉียนหลง ของจีนในยุคโบราณเคยปฏิบัติต่อตัวแทนจากต่างประเทศ ในลักษณะที่มีระยะห่างพอสมควร “เพราะหากปฏิบัติต่อพวกเขาดี พวกต่างชาติจะยโสโอหังเกินไป”

สมัยก่อนจีนมองคนต่างชาติเป็นพวกบ้านป่าเมืองเถื่อน (barbarians)

สมัยนี้ นักการทูตต่างชาติที่วอชิงตันบางคนเริ่มจะหวาด ๆ ว่าท่านผู้นำคนใหม่ที่ทำเนียบขาว จะปฏิบัติต่อตัวแทนต่างชาติในทำนองเดียวกันนี้หรือเปล่า?

อย่าโทษท่านเลยครับ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศมาตั้งแต่สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแล้วว่า “จุดแข็งของผมคือไม่มีใครคาดล่วงหน้าได้ว่าผมจะทำหรือไม่ทำอะไร”

“My strong point is I am unpredictable.”

การเมืองมะกันต่อไปนี้รับรองว่าสนุกจริง ๆ