กระตุ้นเศรษฐกิจทุกระดับชั้น

กระตุ้นเศรษฐกิจทุกระดับชั้น

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2559 เป็นโค้งสุดท้ายที่ต้องอัดฉีดอย่างหนัก

ทั้งพลังจากผู้ประกอบการเองและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อ ให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย สร้างความเคลื่อนไหวเชิงเศรษฐกิจ เป็นแรงส่งต่อเนื่องในปีหน้า ที่สถานการณ์ทั้งประเทศไทยและทั่วโลก ยังมองไม่เห็นสัญญาณบวกชัดเจน ที่จะส่งผลต่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจกลับมาไต่ระดับขาขึ้นแบบทันใจ

โดยมาตรการของรัฐบาลที่ทยอยออกมาเรียกได้ว่า “รายสัปดาห์” เรียกเสียงตอบรับจากภาคเอกชนไม่น้อย รวมทั้งประชาชนที่เรียกได้ว่าแทบจะทุกชนชั้น ทุกระดับ มาตรการก่อนหน้านี้ ได้แก่ การต่ออายุรถเมล์-รถไฟฟรี 6 เดือน สิ้นสุดเดือนเม.ย. 2560 ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในรอบ 4 ปี 5-10 บาท จำนวน 69 จังหวัด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560

มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยกว่า 5.4 ล้านคน วงเงินรวม 12,750 ล้านบาท แบ่งออกเป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี คนละ 3,000 บาท จำนวน 3.1 ล้านคน วงเงิน 9,300 ล้านบาท ผู้มีรายได้ 30,000 บาทต่อปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี คนละ 1,500 บาท จำนวน 2.3 ล้านคน วงเงิน 3,450 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย โอนเงินเข้าบัญชีผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนตามโครงการรัฐสวัสดิการ ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.-31 ธ.ค. 2559

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยกว่า 2.9 ล้านคน โดยผู้ที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินโอน 3,000 บาทต่อคน และผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินโอน 1,500 บาทต่อคน นอกจากนี้ยังมียังมีมาตรการดูแลผู้สูงอายุหลากหลายรูปแบบ

ล่าสุด เตรียมออกพันธบัตรวงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กลุ่มจังหวัด 18 จังหวัด กลุ่มละ 5,000-6,000 ล้านบาท เพื่อนำไปจัดทำโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ หมายมั่นปั้นมือจะเป็นมาตรการสำคัญเกื้อหนุนเศรษฐกิจขยับตัวอย่างเข้มแข็งและเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ

มาตรการกระตุ้นการซื้อโดยตรงกลุ่มผู้บริโภค โดยเฉพาะชนชั้นกลางและผู้บริโภคระดับบน ผ่านมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ มาตรการดังกล่าวมีสาระสำคัญให้ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการนำเที่ยว และค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศระหว่างวันที่ 1 - 31 ธ.ค. 2559 ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ทั้งนี้เมื่อรวมกับมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ ครม.เคยมีมติการยกเว้นภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวตามกฎกระทรวงฉบับที่ 316 (พ.ศ.2559) รายละไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน ทำให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคล สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ตามมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวได้สูงสุดคนละไม่เกิน 30,000 บาท

ที่กำลังรออย่างใจจดใจจ่อ คือ การกระตุ้นการจับจ่ายด้วยโครงการ “ช้อปช่วยชาติ” เชื่อว่าจะถูกนำกลับมาใช้รองรับการใช้จ่ายช่วงที่ต้องเลือกซื้อของขวัญปีใหม่

มาตรการต่างๆ ล้วนหวังผลว่าบรรยากาศทางเศรษฐกิจ 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้น่าจะขยับมีเม็ดเงินสะพัดกลับขึ้นมาบ้าง