ทัวร์ศูนย์เหรียญ...ใครได้? ได้เท่าไร?

ทัวร์ศูนย์เหรียญ...ใครได้? ได้เท่าไร?

ในที่สุดรัฐบาลไทยก็ได้ตัดสินใจเชือดไก่ (ทัวร์ใหญ่ในภูเก็ต) ให้ลิงดู และกำหนดให้บริษัททัวร์

เก็บค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวจีน ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อคนต่อวัน แต่อย่าลืมว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญในตัวของมันเองไม่ใช่ทัวร์ผิดกฎหมาย และทัวร์ศูนย์เหรียญ (ซึ่งที่จริงไม่ใช่ศูนย์) ก็คงยังมีต่อไป เรามาดูกันว่าทัวร์ศูนย์เหรียญที่ว่านี้ใครมีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไรบ้าง

ข้อมูลต่อนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นจากการวิจัยของ ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ทำการศึกษาเจาะลึกถึงการดำเนินงานของทัวร์จีนในประเทศไทย

ทัวร์จีนที่มาท่องเที่ยวไทยมีหลายระดับ ใช่ว่าจะมีแต่ทัวร์ศูนย์เหรียญ คือ มีตั้งแต่ทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งที่จริงต้องจ่าย 1,000 หยวน คือประมาณ 5,000 บาท ไปจนถึงกว่า 10,000 เหรียญ เป็นระดับ VIP (ตารางที่ 1) ซึ่งทัวร์แต่ละระดับราคาก็จะได้รับการบริการที่แตกต่าง แตกต่างตั้งแต่การได้เที่ยวบินราคาถูกแต่การเดินทางต้องเกิดขึ้นช่วงดึกมากหรือหลังเที่ยงคืน โรงแรมที่ให้บริการต่างกัน ที่แตกต่างมากอีกอย่างคืออาหาร ทัวร์ศูนย์เหรียญจะรับประทานอาหารร้านที่มีเมนูประหยัด ไม่ใช้เมนูหรู อาจมีต้มยำกุ้ง แต่เป็นกุ้งตัวเล็กมาก ข้อสำคัญคือ นักท่องเที่ยวที่ใช้ทัวร์ศูนย์เหรียญก็ต้องยอมไปช้อปปิ้ง 7 ร้านในหนึ่งวัน เพราะเจ้าของทัวร์หรือไกด์ ต้องการรายได้จากค่าคอมมิชชั่น มาชดเชยให้ต้นทุนที่จ่ายไปให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้ ซึ่งตารางที่ 2 แสดงให้เห็นถึงต้นทุนของทัวร์ศูนย์เหรียญในจังหวัดภูเก็ต หมายความว่าบริษัททัวร์ไทยต้องให้นักท่องเที่ยวช้อปปิ้งจนได้ค่าน้ำเกิน 5,500 บาทต่อหัวถึงได้กำไร ในกรณีที่บริษัทหรือไกด์ไปซื้อหัวนักท่องเที่ยวจากจีนมาโดยยอมจ่ายค่าหัวเพิ่มขึ้นที่เรียกว่า Kick-back ก็ยิ่งต้องพยายามให้นักท่องเที่ยวจีนช้อปปิ้งให้มากขึ้น หรือดูโชว์ที่อยู่นอกรายการทัวร์ให้มากขึ้น

ส่วนคนจีนที่มาทัวร์ศูนย์เหรียญก็รู้ตัวอยู่ว่ามาทัวร์ราคาถูก และก็ชอบช้อปปิ้งอยู่แล้ว ดูเผินๆ แล้วดูเหมือนไม่มีปัญหา แต่นักท่องเที่ยวบางคนก็ฉวยโอกาสซื้อทัวร์ถูกโดยไม่ช้อปไม่ดูทัวร์นอกรายการ ทำให้เริ่มมีปัญหากับผู้จัด ถึงขั้นบางครั้งไกด์แกล้งบอกนักท่องเที่ยวว่า ต้องเข้าโรงแรมหลัง 3 ทุ่ม เพราะห้องยังทำไม่เสร็จ บ้างก็พานักท่องเที่ยวไปซื้อของปลอมหรือของที่มีราคาเกินควร เพื่อมาเกลี่ยต้นทุนที่ได้จ่ายไป สินค้าหลักที่มักหลอกขายนักท่องเที่ยวก็ เช่น ดีงู ลองคิดว่าคนจีนที่มาเที่ยวทัวร์ศูนย์เหรียญมีจำนวนล้านคนต่อปี เราก็ต้องฆ่างูมาขายปีละล้านตัว จะยังมีงูเห่าเหลือให้ขายอยู่หรือ?

ตารางที่ 2 แสดงถึงการกระจายรายได้จากทัวร์ศูนย์เหรียญไปยังบริษัทไทยในห่วงโซ่ของการให้บริการ มีมูลค่ากิจกรรมในประเทศไทย 5,500 บาท สำหรับ 4 คืน 5 วันซึ่งเป็นเงินที่ไม่มากเลย หมายความว่า บริษัทไทยต้องดำเนินงานภายใต้มาร์จินต่ำ มีความเสี่ยงที่จะขาดทุน ส่วนทัวร์จีนนั้นกุมอำนาจใหญ่คือจำนวนหัวนักท่องเที่ยว ถ้าคนไทยไม่รับบริษัทจีนก็จะทำเอง หรือเอาพันธมิตรจากจีนมาทำ แล้วเฉลี่ยต้นทุนให้กัน นานๆ ไปบริษัทไทยที่เคยทำสปา ทำร้านอาหาร ก็ค่อยๆ หลุดจากวงการไปเพราะทนมาร์จินต่ำไม่ไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสถานที่ที่มีอยู่รับนักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่ได้ เพราะทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นทัวร์ที่อาศัยจำนวนมากเข้าไว้ แต่อย่าลืมว่า ทุกคนที่มาไม่ว่าจะมาแบบศูนย์เหรียญหรือ หมื่นเหรียญ ก็ใช้ต้นทุนทรัพยากรธรรมชาติของเราเท่ากัน ใช้สาธารณูปโภคของเราในต้นทุนเท่ากัน

นายสุเมธ พฤกษ์ฤดี ซึ่งเป็นนักวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในปัจจุบัน ได้เคยศึกษาไว้ว่าฉิ่งฉับทัวร์ของไทยก็ใช้เงินต่อวันใกล้เคียงกับลูกทัวร์จีนทัวร์ประหยัดของไทยก็ไม่น่าใช้เงินน้อยกว่าทัวร์ประหยัดของจีน

ถ้าเช่นนั้นเราหันมาโปรโมทฉิ่งฉับทัวร์จะดีกว่าไหมเนี่ย!