เมื่อ‘แจ็ค หม่า’จับมือ‘ธนินท์’

เมื่อ‘แจ็ค หม่า’จับมือ‘ธนินท์’

สั่นสะเทือนวงการ เมื่อภาพข่าวปรากฏ เจ้าสัวเมืองไทย “คุณธนินท์ เจียรวนนท์" ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี

จับมือกับ อภิมหาเศรษฐีชาวจีน “แจ็ค หม่า เพื่อความร่วมมือในธุรกิจ “FinTech” อุตสาหกรรมร้อนแรง ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา

ระดับคุณธนินท์กับแจ็คหม่า มาเอง! แสดงว่าไม่ธรรมดาแน่นอน!

ช่วงนี้ธุรกิจการเงิน หรือ ธนาคาร ได้รับการพูดถึงค่อนข้างมากครับ ประมาณว่าด้วยเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นและเงินดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นๆทุกขณะ มีโอกาสสูงมากที่ธนาคาร อาจจะหายไปในอนาคตอันใกล้

หายไปในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า คนจะเลิกทำธุรกรรมทางด้านการเงิน เพียงแต่คนที่เข้ามาเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมทางการเงิน อาจจะไม่ใช่ธนาคารอีกต่อไป

การทำธุรกรรมด้านการเงิน จะถูกทำผ่านระบบอัจฉริยะ ที่มีความสามารถสูงสามารถอนุมัติ ฝาก ถอน โอน กู้ ซื้อ ด้วยความรวดเร็ว ปลอดภัย 100% โดยแทบไม่ต้องมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องแถมทำได้ทุกที่ ทุกเวลา แบบไร้พรมแดน ที่สำคัญคือ ค่าธรรมเนียมต่ำมากๆ หรือ แทบจะไม่มี

ประเด็นคือ ระบบอัจฉริยะที่ว่านี้ ไม่น่าจะถูกสร้างขึ้นโดยธนาคาร เพราะถ้าธนาคารทำขึ้นมา ก็ประหนึ่งว่าทำขึ้นมาเพื่อขุดหลุมฝังตัวเอง หรือทำให้ตัวเองเจ๊ง!

ธุรกิจธนาคารโดยส่วนใหญ่ จะมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรแบบนั้น บางธนาคารอาจจะมีหยอดเงินเล็กๆ ลงในธุรกิจ “Start Up” สาขา FinTech แต่ว่ากันว่าลึกๆแล้ว บางธนาคารลงทุนเพื่อที่จะเข้าไปสอดส่องดูแล ไม่ให้ธุรกิจ “Start Up” เข้ามา “Disrupt”ธุรกิจของตนได้เร็วหรือง่ายๆ ก็คือลงทุนเพียงเพื่อ “ยื้อ” เวลาของตัวเองเท่านั้นเอง

คำถามคือ แล้วใครจะมาลงทุนทำระบบ อัจฉริยะที่ว่านี้ให้เกิดขึ้น

จะเป็น “สตาร์ทอัพ” เล็กๆ เจ้าของเทคโนโลยี อันแยบยล อย่างงั้นหรือ! ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าไม่ใช่ เพราะต่อให้เทคโนโลยีแยบยล ล้ำเลิศอย่างไร แต่ถ้าไม่มีคนใช้ ก็เป็นอันจบ! ดังนั้นคนที่จะเข้ามาสร้างระบบอัจฉริยะอันนี้ นอกจากจะต้องมีเทคโนโลยีล้ำเลิศแล้ว ยังจำเป็นจะต้องมีผู้ใช้งานหรือผู้ที่เข้ามาทำธุรกรรมการเงิน จำนวนมหาศาลอีกด้วย ถึงจะทำให้เกิด “Disrupt” ทางภาคการเงินได้จริง

พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมเจ้าสัวธนินท์ ถึงมางานนี้ด้วยตัวเอง ลองคิดดูครับ ธุรกรรมของบริษัทในเครือซีพี มันจำนวนมหาศาลขนาดไหน และจะดีแค่ไหน ถ้าเงินทั้งหมดไม่ต้องนำไปผ่านธนาคาร! แต่นำไปผ่านระบบของตัวเองที่เป็นเจ้าของ

ด้าน แจ็ค หม่า เองวิสัยทัศน์ คงมิได้แตกต่าง ทุกวันนี้ “อาลีบาบา” เป็นยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซระดับโลก จำนวนธุรกรรมมากมายมหาศาลและยังมีทีท่าเติบโตแบบไม่หยุด ตามพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไปจับจ่ายใช้สอยผ่านออนไลน์ มากขึ้นทุกวัน

นอกจากจำนวนผู้ชอบปิงผ่านระบบของอาลีบาบา มีจำนวนมหาศาลแล้ว จำนวนพ่อค้าแม่ค้า ที่ใช้งานอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม ของอาลีบาบาเอง ก็มีไม่น้อยเช่นกัน ตรงนี้เองที่น่าจะทำให้แจ็ค หม่า เกิด วิสัยทัศน์ เปิดธุรกิจ ANT FINANCIAL ขึ้นมาโดยเฉพาะ

ANT FINANCIALไม่ได้มีแค่ Alipay เท่านั้น แต่ยังมีบริการให้กู้เงิน, บริการซื้อกองทุน, และบริการอื่นๆ ด้วยเสร็จสรรพ

เนื่องด้วยพ่อค้า แม่ค้า ทำการค้าขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ ของอาลีบาบา ดังนั้น อาลีบาบา จึงมีข้อมูลธุรกรรมทางด้านการเงินของพ่อค้าแม่ค้าทั้งหมด ขายดีขายไม่ดี คนไหนเศรษฐี คนไหนยาจก สามารถได้รู้หมด เมื่อมาผนวกกับเทคโนโลยี Big Data ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสถานะการเงินของพ่อค้า แม่ค้าแต่ละคนได้อย่างลึกซึ้ง

เวลาพ่อค้าแม่ค้าคนไหน เกิดเงินตึงมือหรือหมุนไม่ทัน ก็สามารถกดปุ่มขอยืมเงิน แจ็ค หม่า ได้เลยอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่นาที เพราะระบบอัจฉริยะวิเคราะห์ความเสี่ยงให้หมดว่าปล่อยกู้ได้หรือไม่

คนไหนที่เคยกู้เงินธนาคาร น่าจะรู้ดีถึงความน่าปวดหัวในการขอกู้เงินกับธนาคารนะครับ ต้องเอา statement มาโชว์ กรอกเอกสารอีกปึกใหญ่ ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ลายเซ็นมากมาย ใช้เวลาเป็นอาทิตย์! หรือบางครั้งเป็นแรมเดือน

เทียบกับระบบของแจ็ค หม่า ที่ใช้เวลาไม่กี่นาที แถมดอกเบี้ยถูกกว่า คุณจะเลือกกู้กับใคร

พ่อค้าแม่ค้าคนไหนร่ำรวย เงินสดมีเยอะ หมุนสบายๆ ก็ไม่ควรจะทิ้งเงินสดใว้เฉยๆใช่ไหมครับ  แจ็ค หม่า ก็มีระบบแนะนำการลงทุนให้อีก ทั้งซื้อกองทุน ซื้อประกัน ฯลฯ ด้วยระบบอัจฉริยะที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ระบบก็จะช่วยวิเคราะห์ให้ด้วยว่า ควรลงทุนตรงไหน เพื่อให้ได้ผลกำไรสูงสุด

จริงๆ ANT FINANCIAL ไม่ได้ให้บริการด้านการเงิน แค่พ่อค้าแม่ค้าเท่านั้น ผู้บริโภคธรรมดาก็สามารถใช้บริการได้ด้วย เพราะ ANT FINANCIAL เองมีบริการ Alipay ซึ่งเก็บข้อมูลด้านการเงินของผู้ใช้ทั้งหมด

ขณะนี้ ANT FINANCIAL ได้ย่างก้าวเข้าสู่ประเทศไทยเรียบร้อย แถมไม่ได้ย่างก้าวเข้ามาแบบธรรมดา เพราะเข้ามาจับมือกับธุรกิจยักษ์ใหญ่บ้านเรา น่าจับตาดูมากว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป ธุรกิจธนาคารในประเทศไทย จะขยับตัวหรือไม่ อย่างไร

ว่าแล้ว “โซวบักท้ง” ก็ขอไปตามเรื่องกับธนาคาร เรื่องเงินกู้อีกที เมื่อไหร่จะปล่อยกู้สักที …. ฮืออออ