ถึงเวลายกเครื่องเสียที

ถึงเวลายกเครื่องเสียที

กระทรวงคมนาคมเตรียมปรับปรุงประสิทธิภาพ การให้บริการรถยนต์สาธารณะ

 ในกรุงเทพมหานครครั้งใหญ่ หรือเรียกว่าการปฏิรูประบบรถยนต์โดยสารสาธารณะ โดยจะยกเลิกสัญญาสัมปทานเส้นทางที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ให้กับภาคเอกชนเดินรถแทน เนื่องจากมีเส้นทางจำนวนมากและพื้นที่ค่อนข้างมาก ขสมก.จึงไม่อาจให้บริการอย่างทั่วถึงและต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องให้เอกชนมาเดินรถแทนเพื่อลดภาระของขสมก.

ปัญหาการให้บริการรถยนต์โดยสารสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ ถือเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนอย่างมาก และมีปัญหามาทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่เรื่องการบริหารจัดการของขสมก.เอง ที่ยังประสบกับภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งรัฐบาลในอดีตเคยใช้หนี้แทนมาแล้ว แต่ปัญหาเดิมก็ยังวนเวียนจนสถานะเป็นเช่นเดิม กล่าวคือประสบปัญหาขาดทุนและประชาชนรู้สึกว่าไม่สะดวกในการใช้บริการ แต่อย่างไรก็ตามขสมก.ก็พยายามปรับปรุงในหลายด้านจนดีขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต

ปัญหาการเดินรถในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ คือการให้บริการของรถร่วมบริการ ซึ่งได้รับสัมปทานจากขสมก.เดินรถในเส้นทางที่ขสมก.เห็นว่าไม่คุ้มสำหรับเดินรถเอง แต่ปรากฏว่าการให้บริการของผู้ประกอบการไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะประเด็นเรื่องมาตรฐานของผู้ขับรถโดยสารและคุณภาพรถร่วมที่ให้บริการ แต่อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหายังเป็นไปได้ยาก ดังจะเห็นได้จากการให้บริการต่างๆยังคงเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนประชาชนไม่มีทางเลือกมากนัก

ดังนั้น กรณีที่จะมีการใช้มาตรา 44 เพื่อยกเลิกสัญญาสัมปทานทั้งหมด ซึ่งกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอรัฐบาลในขณะนี้ จึงมีประชาชนจำนวนมากเห็นด้วยว่าควรถึงเวลาปรับปรุงกันทั้งระบบเสียที โดยเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันด้านคุณภาพการให้บริการจากเอกรายอื่นๆ ซึ่งเราเชื่อว่าหากรัฐบาลเปิดกว้างจริงๆจะมีผู้สนใจเสนอตัวจำนวนมาก ดังตัวอย่างที่เราเห็นมาแล้วในบริการสาธารณะอื่นๆเมื่อเปิดการแข่งขันก็ย่อมเกิดประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการ

ยิ่งเปรียบเทียบกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆแล้ว เราจะเห็นได้ว่ารถยนต์โดยสาร ทั้งของขสมก.และเอกชน เป็นระบบที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ซึ่งไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ย่อมแสดงให้เห็นว่าเป็นระบบขนส่งสาธารณะเดียวที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน เพราะอย่าลืมว่าระบบขนส่งสาธารณะเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากของเมืองหลวงสมัยใหม่หากต้องการแข่งขันกับเมืองหลวงประเทศอื่น จำเป็นต้องมีระบบที่มีมาตรฐาน ความปลอดภัยและบริการที่มีคุณภาพ

ยิ่งกว่านั้น การใช้บริการรถยนต์สาธารณะเกี่ยวข้องกับประชาชนส่วนใหญ่ของเมืองหลวง ซึ่งหากมีการให้บริการที่ดีแล้ว เราก็เชื่อว่าคนจะนิยมใช้บริการมากขึ้นและจะส่งผลดีต่อประเทศโดยรวม ทั้งเรื่องการประหยัดการใช้น้ำมันเพราะไม่ต้องใช้รถส่วนตัว และทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพราะที่ผ่านมา มักจะกล่าวโทษปัญหารถติดมาจากคนนิยมใช้รถส่วนตัวมากกว่าระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งก็มีคำถามเช่นเดียวกันว่าระบบขนส่งสาธารณะมีความสะดวกและบริการที่ดีพอหรือไม่

เราเห็นว่าการปรับปรุงระบบการให้บริการรถยนต์โดยสารสาธารณะ เป็นเรื่องเร่งด่วนต้องรีบดำเนินการอย่างยิ่ง เพราะหากไม่สามารถทำได้ในรัฐบาลชุดนี้ก็เป็นเรื่องยากจะทำได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยประสบปัญหามาแล้วว่า การพยายามปรับปรุงการให้บริการมีปัญหาแค่ไหน ซึ่งหากเราต้องการพัฒนาให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงในระดับภูมิภาค ระบบขนส่งสาธารณะประเภทนี้ต้องมีการปรับปรุงโดยเร็ว เพราะขณะนี้ระบบขนส่งอื่นๆพัฒนาไปแล้ว เหลือเพียงโดยรถยนต์โดยสารเท่านั้นที่ยังล้าหลังเหมือนเมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยเปลี่ยนแปลง