รู้รักสามัคคี ปรัชญาแห่งทางออก

รู้รักสามัคคี ปรัชญาแห่งทางออก

รัฐบาลออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจ ระดับรากฐาน ด้วยการจัดสรร

งบประมาณเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ให้กับหมู่บ้านทั่วประเทศกว่า 7 หมื่นแห่ง เพื่อให้ประชาชนในหมู่บ้านไปใช้จ่ายเพื่อเสริมสร้างอาชีพ รวมทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ออกมาตรการปรับลดและลดภาระหนี้ของเกษตรกรลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการกระตุ้นที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วหลายรัฐบาล แม้มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการลดผลกระทบระยะสั้น จากภาวะการจับจ่ายใช้สอยของประเทศชะลอตัว

เหตุผลของการออกมาตรการดังกล่าวยังต้องใช้เวลา แต่กรอบเวลาที่กำหนดไว้ให้เร่งเบิกจ่ายภายในเดือนม.ค.ปีหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นมาตรการนี้เป็นมาตรการพยุงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ในช่วงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศกำลังอยู่ภาวะโศกเศร้า จากการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งไม่ว่าสาเหตุของการออกมาตรการนี้คืออะไร แต่ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเริ่มเห็น สัญญาณการชะลอตัวของการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งต่างจากภาวะทั่วไปที่มักจะมีการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปี

ผลกระทบที่เกิดขึ้นทางเศรษฐกิจย่อมเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนอีกครั้ง ว่าการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทยทั้งชาติ ไม่เพียงแต่การแสดงออกของคนไทยที่มีต่อพระองค์ในช่วงไว้ความอาลัยเท่านั้น ที่คนไทยทุกระดับชั้นแสดงออกมาทั่วประเทศ แต่ยังกระทบเข้าไประดับลึกของหัวใจคนไทยทั้งประเทศด้วย ทำให้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของคนไทยมากเกินกว่าเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ครั้งใด

เราเห็นด้วยกับมาตรการของรัฐบาลในการพยุงภาวะเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้ เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้ทรุดตัวลงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก ทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ในระดับที่น่าพอใจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศทั่วโลกที่ยังอยู่ในภาวะย่ำแย่ไปด้วย และเรายังมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถพยุงเศรษฐกิจ ในช่วงเวลาอันสำคัญของชาตินี้ไปได้ดีเช่นเดียวกัน เหมือนกับที่บรรดาภาคเอกชนต่างมีความมั่นใจ และเชื่อมั่นพื้นฐานเศรษฐกิจของไทย

อันที่จริง ปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ มาจากเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกที่เป็นภาคสำคัญของเศรษฐกิจไทย จากนั้นจึงลามไปถึงเรื่องความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจทำให้ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุนหรือจับจ่ายใช้สอย แม้รัฐบาลพยายามออกมาตรการต่างๆเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นมานานนับปี แต่ภาวะดังกล่าวก็ยังไม่กระเตื้ยงในระดับที่น่าพอใจนัก มีเพียงมาตรการลงทุนและการจับจ่ายจากภาครัฐเท่านั้นที่ช่วยประคับประคองไว้ในระดับที่น่าพอใจ

ดังนั้น ปัญหาสำคัญในขณะนี้จึงเป็นเรื่อง ของการสร้างความเชื่อมั่นเป็นสำคัญ และรัฐบาลก็ดูเหมือนตระหนักดีถึงเรื่องนี้ โดยพยายามย้ำตลอดเวลาถึงความต่อเนื่องทางนโยบายและการดำเนินงานทุกโครงการตามแผนที่วางไว้ แม้ในช่วงเวลานี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นไปบ้าง แต่เราก็เชื่อว่าด้วยหัวใจของคนไทยทั้งชาติ จะช่วยกันประคับประคองประเทศในช่วงยากลำบากนี้ไปได้ และผลของความร่วมมือและสามัคคีของคนไทยด้วยกันเท่านั้นที่จะฟันฝ่าปัญหาต่างๆไปได้

เราเห็นว่าในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ กับรัฐบาลในการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ผ่านไปได้ ซึ่งอย่าลืมว่าสังคมการเมืองไทยยังต้องมีปัญหาใหญ่ๆรออยู่ข้างหน้าอีกมาก โดยเฉพาะในปีหน้าที่จะมีการเลือกตั้งตามโรดแมพ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดไว้ ดังนั้นในช่วงสถานการณ์เช่นนี้คนไทยทั้งประเทศ จะต้องยึดพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในเรื่องรู้รักสามัคคีที่ทรงพระราชทานให้คนไทยเป็นหลักปฏิบัติ เพื่อร่วมใจแก้ปัญหาสำคัญของชาติ