คำสอนของพ่อ

คำสอนของพ่อ

วันพฤหัสบดีที่ 13 ต.ค.2559 เป็นวันแห่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย หลังได้ยินประกาศสำนักพระราชวังว่า

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยเสด็จสวรรคต ความเศร้าโศกได้ครอบคลุมไปทั่วประเทศ ด้วยต่างสำนึกในพระมหากรูณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงงานหนักตลอดระยะเวลา 70 ปีที่เสด็จเถลิงราชสมบัติในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ที่นำความเจริญ ความผาสุกและพัฒนาประเทศในทุกด้าน ในวันนี้ที่ไม่มีพระองค์ท่าน ประชาชนไทยจะต้องเข้มแข็ง และพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป พร้อมน้อมนำเอาพระบรมราโชวาทของพระองค์มาเป็นแนวทางปฏิบัติสืบไป ที่สำคัญ 9 ประการ ดังนี้ (ขอขอบคุณข้อมูลจากเว๊ปไซด์ okanation)

1.คนดี “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดีไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมดการทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดีหากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”

(พระบรมราโชวาทในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี 11 ธันวาคม 2512)

2.อนาคตทำนายได้ “ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดที่เป็นอยู่แก่เราในวันนี้ย่อมมีต้นเรื่องมาก่อน ต้นเรื่องนั้นคือ เหตุ สิ่งที่ได้รับคือ ผลและผลที่ท่านมีความรู้อยู่ขณะนี้จะเป็นเหตุให้เกิดผลอย่างอื่นต่อไปอีกคือ ทำให้สามารถใช้ความรู้ที่มีอยู่ทำงานที่ต้องการได้แล้วการทำงานของท่าน ก็จะเป็นเหตุให้เกิดผลอื่นๆต่อเนื่องกันไปอีก ไม่หยุดยั้งดังนั้นที่พูดกันว่า ให้พิจารณาเหตุผลให้ดีนั้นกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือให้พิจารณาการกระทำหรือกรรมของตนให้ดีนั่นเองคนเราโดยมากมักนึกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรเราทราบไม่ได้แต่ที่จริงเราย่อมจะทราบได้บ้างเหมือนกันเพราะอนาคต ก็คือ ผลของการกระทำในปัจจุบัน”

(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย 8 กรกฎาคม 2519)

3.ความดี "การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำเพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัวแต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลังในการสร้างเสริมและสะสมความดี”

(พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ผู้สำเร็จการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สวนอัมพร 14 สิงหาคม 2525)

4.การทำงาน “เมื่อมีโอกาสและมีงานทำควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใด ไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวางคนที่ทำงานได้จริงๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่มีความขยัน และ ความซื่อสัตย์สุจริตก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น”

(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา 8 กรกฎาคม 2530)

5.คุณธรรมของคน “ประการแรก คือ ความซื่อสัตย์ประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัตย์ความดีนั้นประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และอดออมที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัตย์สุจริตประการที่สี่ คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริตและรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมคุณธรรมสี่ประการนี้ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามจะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุขความร่มเย็นและมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไป”

(พระบรมราโชวาท ในพิธีบรวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า 5 เมษายน 2535)

6.ความเพียร “ความเพียรที่ถูกต้องเป็นธรรม และพึงประสงค์นั้นคือความเพียรที่จะกำจัดความเสื่อมให้หมดไปและระวังป้องกันมิให้เกิดขึ้นใหม่ อย่างหนึ่งกับความเพียรที่จะสร้างสรรค์ความดีงามให้บังเกิดขึ้นและระวังรักษามิให้เสื่อมสิ้นไป อย่างหนึ่งความเพียรทั้งสองประการนี้เป็นอุปการะอย่างสำคัญ ต่อการปฏิบัติตน ปฏิบัติงานถ้าทุกคนในชาติจะได้ตั้งตนตั้งใจอยู่ในความเพียรดังกล่าวประโยชน์และความสุขก็จะบังเกิดขึ้นพร้อมทั้งแก่ส่วนตัวและส่วนรวม”

(พระราชดำรัสในพิธีกาญจนาภิเษกทรงครองราชย์ ครบ 50 ปี พ.ศ.2539)

7.แก้ปัญหาด้วยปัญญา “ปัญหาทุกอย่างไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีทางแก้ไขได้ถ้ารู้จักคิดให้ดี ปฏิบัติให้ถูกการคิดได้ดีนั้น มิใช่การคิดได้ด้วยลูกคิด หรือด้วยสมองกล เพราะโลกเราในปัจจุบันจะวิวัฒนาการไปมากเพียงใดก็ตามก็ยังไมมีเครื่องมืออันวิเศษชนิดใดสามารถขบคิดแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างสมบูรณ์ การขบคิดวินิจฉัยปัญหา จึงต้องใช้สติปัญญาคือคิดด้วยสติรู้ตัวอยู่เสมอเพื่อหยุดยั้งและป้องกันความประมาทผิดพลาดและอคติต่างๆมิให้เกิดขึ้น ช่วยให้การใช้ปัญญาพิจารณาปัญหาต่างๆเป็นไปอย่างเที่ยงตรง ทำให้เห็นเหตุเห็นผลที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นกระบวนการได้กระจ่างชัด ทุกขั้นตอน”

(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1 สิงหาคม 2539)

8.คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ “คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้”

(พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น 20 เมษายน 2521)

9.พูดจริง ทำจริง “ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม”

(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย 10 ก.ค.2540)