'จิตอาสา' ทำดีเพื่อพ่อ

'จิตอาสา' ทำดีเพื่อพ่อ

สังคมไทยไม่เคยแล้งน้ำใจ

กี่ครั้งที่เกิดเหตุการณ์ความไม่ปกติในบ้านเมือง ไม่ว่าความไม่ปกตินั้นจะสร้างความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สิน 

หรือ แม้แต่ผลกระทบต่อ “ภาวะจิตใจ” เช่นครานี้

สิ่งที่เห็นคือ ปรากฎการณ์น้ำใจ ที่หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย จากเหล่า ผู้มีจิตอาสา ที่ออกมาแสดงออก เพื่อช่วยเหลือผู้คน “ผ่อนหนักเป็นเบา” บรรเทาทุกข์กาย ทุกข์ใจ

สร้างรอยยิ้มในวันโศก โดยไม่หวังผลตอบแทน

อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา วันที่ฝนกระหน่ำแต่ประชาชนสู้ไม่ถอยที่จะเข้าร่วมสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ที่ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ทำให้แถวยาวถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงจึงจะได้ร่วมถวายสักการะฯ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การแสดงน้ำใจของเหล่าจิตอาสา ทำกิจกรรมดีๆ เช่น แจกอาหาร น้ำดื่ม มีกลุ่มคนช่วยเก็บขยะรอบพระบรมมหาราชวัง วินมอเตอร์ไซด์ ที่คอยรับ-ส่งประชาชนมายังศาลาสหทัยสมาคม โดยไม่คิดเงิน จนนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเอ่ยปากชมความมีน้ำใจ

หรือเมื่อมีกระแสข่าวเสื้อดำไว้ทุกข์ขาดแคลน และบางร้านค้าขายเสื้อดำราคาแพง ก็มีหลายฝ่ายมาช่วยกันแก้ปัญหานี้ อาทิ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ที่จัดสอนเทคนิคการและบริการย้อมผ้าสีดำฟรีให้กับประชาชนทั่วไป

ล่าสุด ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (สถาบันการเงินของรัฐ) ยังจะผลิตเสื้อยืดสีดำคอกลมแจกให้กับผู้ที่มาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย 8 ล้านคน สวมใส่ไว้ทุกข์ให้กับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เชื่อแน่ว่า จากนี้ จะมีกิจกรรมจิตอาสา ออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งจากภาคประชาชน นักธุรกิจ และหน่วยงานรัฐ ตลอดระยะเวลาที่คนไทยทั้งชาติ ร่วมกันไว้อาลัยความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

ขอ ทำดีเพื่อพ่อ

เดินรอยตามพระราชจริยวัตร พระบรมราชโอวาส ที่พระองค์ท่านพระราชทานไว้ในวาระต่างๆ อาทิ พระบรมราโชวาทพระราชทาน แก่ผู้สำเร็จการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สวนอัมพร 14 ส.ค. 2525 ในเรื่อง ความดี ที่ว่า..

การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำเพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี

และพระบรมราชโอกาสในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ 25 ก.ค.2506 ที่ว่า..

การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็น ก็ต้องปิด

ว่าที่จริงแล้ว คนโดยมาก ไม่ค่อยชอบ “ปิดทองหลังพระ” กันนัก

เพราะว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า

ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้