ธุรกิจกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ธุรกิจกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ในขณะที่ธุรกิจมุ่งวัดผลตอบแทนไปที่การสร้างกำไรเพื่อความแข็งแกร่งของทุนทางเศรษฐกิจ กิจกรรมต่างๆ ในการสร้างกำไร

ธุรกิจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นผู้ที่ใช้ทุนทางธรรมชาติและทรัพยากร ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกต่างเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับทุนทางธรรมชาติเหล่านี้โดยตรง

ผลการดำเนินธุรกิจจึงต้องวัดจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและตัวชี้วัดทางทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป

ในขณะที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เช่น ระบบการรายงานทางบัญชีและการเงิน มีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับและนำมาใช้ปฏิบัติกันเป็นเวลานานแล้ว แต่มาตรฐานตัวชี้วัดทางทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ยังอยู่ในระหว่างการกำหนดแนวปฏิบัติและรูปแบบของการรายงานผลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันสำหรับธุรกิจทั่วโลก

ตัวชี้วัดที่สำคัญตัวหนึ่งก็คือ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก

องค์กรไม่แสวงหากำไรระดับนานาชาติ ชื่อ CDSB (คณะกรรมการมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หรือ Climate Disclosure Standards Board) ได้ริเริ่มกำหนดมาตรฐานสำหรับให้ธุรกิจต่างๆ ใช้เป็นแนวทางมาตรฐานเดียวกันเพื่อรายงานต่อสาธารณชนได้ทราบถึงเจตนารมณ์และผลการดำเนินงานของธุรกิจเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นข้อยืนยันได้ว่า ธุรกิจดำเนินไปด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยประสานผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นร่วมกันใน 3 มิติ คือ มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านสังคม และ มิติด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากธุรกิจขาดความโปร่งใสในด้านใดด้านหนึ่ง อาจทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อนักลงทุนซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีส่วนเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่ด้วย

ตามปกติ ผลดำเนินการด้านเศรษฐกิจ จะสะท้อนให้เห็นจากรายงานทางการเงิน และรายงานด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี ผลการดำเนินงานด้านสังคม จะสะท้อนให้เห็นได้จาก รายงานความรับผิดชอบต่อสังคม

ส่วนผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม CDSB ต้องการที่จะให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน จึงได้ริเริ่มกำหนด โครงสร้างของการรายงานผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ที่เรียกว่า Climate Change Report Framework (CCRF) ซึ่งได้กำหนด ให้มีการนำเสนอข้อมูลในด้านต่างๆ ที่มีสาระสำคัญ ดังนี้

๐ วิสัยทัศน์ของธุรกิจ และแนวทางการวิเคราะห์ว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศหรือโอกาสที่การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจะมีผลต่อธุรกิจหรือไม่และอย่างไร

โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขัน การเข้าถึงทรัพยากรที่เป็นวัตถุดิบที่จำเป็น ผลกระทบต่อความสามารถในการสร้างกำไร การพัฒนานวัตกรรม มูลค่าของแบรนด์และภาพลักษณ์องค์กร ชื่อเสียง ความเชื่อถือ และความเป็นองค์กรธุรกิจที่มีผู้อยากเข้าร่วมทำงาน

๐ การวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ตรรกะทางธุรกิจที่ว่า เมื่อมีความเสี่ยงก็ย่อมมีโอกาสเสมอ สามารถนำมาใช้กับธุรกิจได้อย่างไรเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่จำเป็นในการรายงานผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของธุรกิจ

การวิเคราะห์ความเสี่ยง มักจะทำให้เรื่องของ ความเสี่ยงด้านกฎหมายและกฎระเบียบ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการควบคุมปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก การอนุรักษ์พลังงาน ภาษีคาร์บอน มาตรฐานสิ่งแวดล้อมสำหรับผลิตภัณฑ์และกระบวนการ

ส่วนโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้น อาจได้แก่ การพัฒนาธุรกิจการซื้อขายคาร์บอน หรือโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่มองเห็นได้ เช่น อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น สภาวะธรรมชาติที่มีแนวโน้มผิดไป ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น วงจรของผลผลิตทางการเกษตร การเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของสิ่งมีชีวิต ตลอดจนโอกาสในการสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของธุรกิจที่มีต่อการดูแลสิ่งแวดล้อม

๐ การวางแผน และผลจากการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ประกอบด้วยแผนระยะสั้นและระยะยาว ที่อธิบายถึงกิจกรรมในเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของธุรกิจ และการรายงานผลที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมที่ได้ทำมาแล้ว ในแง่ของความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ปัญหา ความท้าทายที่เกิดขึ้น และแนวทางในการแก้ไข

๐ การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคต

เครื่องมือที่ธุรกิจนำมาใช้ในการพยากรณ์หรือคาดการณ์อนาคต ผลจากการคาดการณ์ และความสอดคล้องกับการพยากรณ์ทางด้านการเงิน (Financial outlooks) ของธุรกิจ

๐ กระบวนการการกำกับดูแลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

โครงสร้างและการมอบหมายอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล การจัดสรรทรัพยากรด้านการจัดการ และความสอดคล้องกับระบบการกำกับดูแลกิจการโดยทั่วไปที่ธุรกิจถือปฏิบัติอยู่ที่ได้รายงานไว้ในรายงานประจำปี

ถึงแม้สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหม่ที่ไกลตัวสำหรับธุรกิจในประเทศไทย แต่แนวโน้มและกระแสโลการภิวัฒน์ในเรื่องของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของธุรกิจ คงจะมาถึงธุรกิจในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจที่เป็นบริษัทมหาชนที่จะได้รับผลกระทบก่อนเป็นอันดับแรก

ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อน ก็น่าจะเป็นเรื่องที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจ

โดยไม่ต้องพยายามวิ่งหนีไปจากอนาคต!!!!