'Active Citizen' ผนึกกำลังต้าน 'คอรัปชั่น'

'Active Citizen' ผนึกกำลังต้าน 'คอรัปชั่น'

การทุจริตคอรัปชั่น เป็นเสมือนมะเร็งร้าย ที่กัดกร่อนประเทศ

เป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการพัฒนาทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม และถือเป็นวาระร่วมกันของคนในชาติที่ต้องร่วมกันหาทางสกัดกั้น ป้องกันซึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็มีการประกาศเจตนารมณ์ให้เป็นฉบับต้านโกง 

ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) คำถามแรกที่ได้สอบถามก็คือสถานการณ์การคอรัปชั่นของประเทศปัจจุบันเป็นอย่างไร

ดร.มานะบอกว่าถ้าเทียบกับในอดีตก็ต้องบอกว่า สถานการณ์คอรัปชั่นของไทยปรับตัวดีขึ้น จากที่เคยตกไปอยู่อันดับที่ 102 ในปี 2556 ปัจจุบันอันดับคอรัปชั่นอยู่ที่อันดับที่ 76 ถือว่าดีขึ้นในรอบ 10 ปี อย่างไรก็ตามอันดับคอรัปชั่นที่ปรับตัวดีขึ้น ไม่สำคัญเท่ากับการที่ประชาชนมีความตื่นตัวในการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น

องค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) เพิ่งจะจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านคอรัปชั่นครั้งใหญ่ในวันที่ 11 ก.ย. ภายใต้แนวคิด กรรมสนองโกง พร้อมทั้งมีกิจกรรม เปิดไฟไล่โกง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จัดกิจกรรมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง พร้อมกับเครือข่ายใน77 จังหวัดทั่วประเทศ

สถานการณ์คอรัปชั่นของประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นพลังสำคัญมาจาก ภาคประชาชน และภาคธุรกิจได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ ขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นอย่างจริงจัง ส่วนภาครัฐก็ตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นเป็นประเด็นที่สำคัญที่จะต้องให้ความสำคัญไปสู่การปฏิบัติ

คำถามต่อไปคือจะทำยังไงให้กระแส ต้านโกง มีความต่อเนื่อง จะทำอย่างไรให้ประชาชนหันมาใส่ใจเรื่องการต่อต้านคอรัปชั่น เปิดหูเปิดตาให้มากขึ้น มีความตระหนัก เป็นประชาชนที่มีความตื่นตัว แบบที่เรียกว่า “Active Citizen”

ดร.มานะบอกว่าหากใน 1 ปีข้างหน้าประเทศไทยมี Active Citizen เพิ่มขึ้นให้ถึง 1 ล้านคน ก็ถือว่าการรณรงค์ต่อต้านคอรัปชั่นที่ผ่านมาประสบความสำเร็จแล้วในระดับหนึ่ง

Active Citizen ที่จะเป็นความหวังในการต่อต้านคอรัปชั่นมีลักษณะอย่างไร การที่คนนั่งคุยกันตามร้านกาแฟแล้วคุย ถกเถียงกัน เรื่องคอรัปชั่น ยังไม่เพียงพอจ แต่ประชาชนต้องเคลื่อนไหวในเชิงรุกมากขึ้น มีการรวมกลุ่ม ติดตาม กดดันให้เกิดการเปิดเผยข้อมูล ให้หน่วยงานภาครัฐ หรือเอกชนที่ทำธุรกรรมกับรัฐสร้างบรรทัดฐานที่โปร่งใส

ก้าวต่อไปของการต่อต้านคอรัปชั่นคือ การต่อต้านการทุจริตสามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีการรณรงค์ โดยอาศัยกลไกตลาด กลไกภาคประชาชนต้องมาสนับสนุน การต่อต้านคอรัปชั่นให้เป็นไปโดยอัตโนมัติ อยู่ในจิตสำนึกและเข้าใจของประชาชน ซึ่งยั่งยืนมากกว่าที่จะใช้กฎหมาย หรืออำนาจรัฐเข้าไปเป็นเครื่องมือกดดัน