ต้องคลายข้อสงสัย ค่าเสียหายจำนำข้าว

ต้องคลายข้อสงสัย ค่าเสียหายจำนำข้าว

กระทรวงการคลังตั้งคณะทำงาน พิจารณาและตรวจสอบบุคคล

เพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง หลังจากก่อนหน้านี้ได้สรุปเรียกค่าเสียหาย จากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปแล้ว 3.5 หมื่นล้านบาท แม้ว่ากระทรวงการคลังจะไม่ได้ระบุว่าจะสาวถึงบุคคลใด เพราะนโยบายนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมากมาย และเชื่อว่าน่าจะใช้เวลาในการสอบสวนค่อนข้างยาวนานกว่าจะได้ข้อสรุป ในขณะที่คดีนี้มีอายุความถึง 10 ปี

กระทรวงการคลังได้ชี้แจงเรื่องประเด็นกฎหมาย ถึงสาเหตุการคิดค่าเสียหายตามที่สรุปไปแล้ว แต่ประเด็นที่น่าพิจารณามากกว่านั้นคือการดำเนินเรียกค่าเสียหายในครั้งนี้จะเป็นปัจจัยในการสร้างความขัดแย้งในสังคมไทยมากขึ้นหรือไม่ เพราะเท่าที่ประเมินจากความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งตัวบุคคลที่จะต้องรับผิดชอบเพิ่มนั้น เราเชื่อว่าจะมีอีกมาก และหากจำนวนเงินจำนวนมากก็เป็นเรื่องยากที่ผู้ที่ถูกกล่าวหาจะหาทางชดเชยได้

หากพิจารณาการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าหากไม่นับคดีการทุจริตแล้ว คดีนี้อาจเป็นกรณีแรกๆที่มีการเอาผิดกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาล โดยเกิดจากการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ในขณะที่รัฐบาลสมัยนั้นเห็นว่าเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์กับเกษตรกรทั่วประเทศ เพราะได้ประโยชน์จากราคาข้าวที่ปรับสูงขึ้นตามราคารับจำนำของรัฐบาล และนโยบายนี้ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการบริหารประเทศ

อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ข้อสรุปออกมา ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายแง่มุมจากผู้ที่ไม่เห็นด้วย และเราเชื่อว่าประเด็นการเรียกค่าเสียหาย จากการดำเนินนโยบายรัฐบาลนั้นจะเป็นเรื่องสำคัญจากนี้ไป โดยรัฐบาลต่อไปจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ว่าเรื่องใดสามารถดำเนินการได้และเรื่องใดไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังต้องพิจารณาความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบอีกด้วย

ดังนั้น ประเด็นสำคัญจากนี้ไป เราจำเป็นต้องมีกรอบกติกาที่ชัดเจน ว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินนโยบายในลักษณะใดได้บ้าง และมีอำนาจในการกำหนดนโยบายได้แค่ไหน อีกทั้งจะต้องกำหนดกติกาให้ชัดเจนถึงความรับผิดชอบของรัฐบาลในการบริหารประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นสำคัญอย่างมากในระยะต่อไป เนื่องจากรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยจำเป็นต้องดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน และหลายนโยบายจำเป็นต้องใช้งบประมาณและเสี่ยงต่อการขาดทุนอยู่แล้ว

แน่นอนว่าการชี้แจงขั้นตอนต่างๆของรัฐบาล ทั้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมือกฎหมายอย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็อาจทำให้บางคนคลายข้อสงสัยไปได้ แต่ก็มีอีกจำนวนมากมองว่าเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองมากกว่าข้อเท็จจริง ซึ่งหากยังไม่สามารถคลายข้อสงสัยไปได้ เราเชื่อว่ากรณีนี้จะกลายเป็นประเด็นขัดแย้งได้โดยง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเพิ่มเติมจากบุคคลต่างๆ อีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้

หากรัฐบาลสามารถชี้แจงและเกิดความเข้าใจร่วมกันอย่างแท้จริง กรณีนี้จะเป็นแบบอย่างในการดำเนินนโยบายต่อไปในอนาคต แต่หากยังไม่คลายความสงสัยให้กับคนในสังคม ซึ่งเราเชื่อว่ามีอยู่ไม่น้อย กรณีนี้ก็จะกลายเป็นดาบสองคม โดยรัฐบาลในอนาคตอาจใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเล่นงานคู่แข่งทางการเมืองได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น กรณีจึงสุ่มเสี่ยงอย่างมากว่าแทนที่จะกลายเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับสังคมไทย กลับกลายเป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้งในอนาคต