'ล้างบาง'ทัวร์ศูนย์เหรียญ แก้จากต้นทาง-ปลายเหตุ

 เป็นแอคชั่นแรงครั้งแรก หลังจากไทยมีปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญมายาวนานตลอด 40 ปี จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ สำหรับกลุ่มทัวร์จีนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทย ยกเว้นนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเองเท่านั้น จึงจะรอดพ้นบ่วงเกมการตลาดแบบปิดประตูตีแมว หลอกนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วบังคับซื้อสินค้าราคาแพงเกินจริง ซึ่งขบวนการเหล่านี้ผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ เป็นชาวจีนและผู้มีอิทธิพลทั้งในวงการธุรกิจและการเมือง

เมื่อมีการจับกุมเครือข่ายผู้ให้บริการทัวร์จีนรายใหญ่ โอเอ ทรานสปอร์ต ที่มีรถบัสให้บริการทัวร์จีนกว่า 3 พันคัน ทำให้ตลาดตื่นตระหนก นักท่องเที่ยวจีนชะลอเดินทาง จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดน้อยลงในทันที แต่รัฐบาลก็ยังคงเดินหน้าปราบปราม และแก้ปัญหาทัวร์จีนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 20 ก.ย.2559 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้บังคับการตํารวจท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ

“เรากำลังแก้ไขปัญหาตามระเบียบ ตามกฎหมาย และขณะนี้ไทยและจีน ก็มีการคุยกันอยู่แล้วเพื่อทำให้ถูกต้อง ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอบันทึกลงนามความเข้าใจร่วม (MOU) ในเรื่องการท่องเที่ยว ร่วมกับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน (CNTA) เพื่อลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านท่องเที่ยวไทย-จีน ส่วนการปรับตัวของทัวร์ไทยมีการประชุมกัน รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาอยู่ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างดำเนินการตามปกติ” พล.อ.ประวิตร กล่าวและว่า คนไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หากมีความผิดต้องว่าไปตามกฎหมาย ขณะนี้อาจมีผลกระทบทัวร์จีนเข้ามาน้อยลง แต่จะไม่มีผลต่อความเชื่อมั่น

แอคชั่นในการกวาดล้างเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญเดินหน้าต่อไป โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ตรวจสอบครบถ้วน ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ เพราะถือเป็นช่วงที่คสช. จัดระเบียบสังคมและเศรษฐกิจ...

ก็หวังว่าการแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญในครั้งนี้ จะดำเนินการได้สำเร็จเพราะไล่รื้อตั้งแต่ต้นทาง บริษัททัวร์ที่ขายแพคเกจศูนย์เหรียญ จนกระทั่งปลายทางการนำนักท่องเที่ยวมาบังคับซื้อสินค้าสูงเกินจริง