เปลี่ยนสำนึกคนไทยใหม่ด้วยการหยุดธรรมเนียมที่โหดร้าย

เปลี่ยนสำนึกคนไทยใหม่ด้วยการหยุดธรรมเนียมที่โหดร้าย

ในขณะที่สังคมพร่ำพูดกันถึงปัญหาความรุนแรงในสังคมที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน เสนอทางแก้ที่มีทั้งการลงทัณฑ์ให้

หนักหน่วงขึ้น หวังให้คนชั่วรุ่นใหม่หลาบจำ ทั้งปฏิรูปการศึกษาสอนให้ประชากรมีสำนึกดี ส่งเสริมศาสนาให้คนละศีลปาณา ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือแนววิธีอื่นๆ อีก แต่จะแก้ไม่ได้เลยหากบรรยากาศของสังคมยังมีเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมการทำร้ายสัตว์ลอยร่ำอยู่อย่างทุกวันนี้ ในยุคแห่งการแก้กฎหมายที่ยุ่งยากด้วยแกรกเดียวของมาตรา 44 การยุติบรรยากาศของสังคมแบบนี้มีความเป็นไปได้มากกว่าสมัยก่อน

สังคมไทยเป็นสังคมที่บางคนเชื่อว่าเป็นเมืองพุทธที่เคร่งครัด โดยภาพรวมแล้วอยู่กันอย่างเป็นสุขไม่ต่างจากที่ศิลาจารึกฉบับที่ 1 ว่าไว้ แต่หลายอย่างก็ไม่น่าจะใช่อย่างนั้น เช่น มีการทารุณสัตว์มากรูปแบบเช่น ตีไก่ กัดปลา ชนวัว การทารุณมนุษย์ก็มี เช่น ฝึกมวยเด็กขึ้นชกหาเงิน  เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปิดลับกันแบบบ่อนวิ่ง แต่เปิดเผยโจ่งแจ้ง นอกเหนือจากหาเหตุผลประเภทที่ว่า ทำไปเพราะสภาพเศรษฐกิจบังคับ หรือเป็นเรื่องสนุกเล็กน้อย ก็คือ เป็นวัฒนธรรมธรรมเนียมประเพณีของไทยมานานแล้ว ไม่ควรจะไปเปลี่ยนแปลง

ข้ออ้างเช่นนั้นถือเป็นความขลัง ที่ใช้ได้ผลในประเทศที่มีความยำเกรงสิ่งที่บรรพบุรุษเคยทำมาแล้วเป็นอย่างมาก ตรรกที่ว่าในอดีตก็เคยมีคนทำ ปัจจุบันทำไมจะทำไม่ได้ จึงส่งเสริมให้ทารุณกรรมแบบนี้ยังมีอยู่ทั่วไป  กลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่โตระดับท้องถิ่นที่มีเงินพนันทั้งขาวทั้งเทาจำนวนมหาศาลไหวเวียนในแวดวง ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสังคมอาจไม่ชัดเจนถ้ามองมุมอื่นนอกจากการพนันที่ผิดกฎหมาย แต่ผลกระทบที่ซึมลึกไปกว่านั้นน่าจะเป็นเรื่องของจิตใจที่ผู้เกี่ยวข้องซึมซับกับเรื่องรุนแรง ชมทารุณกรรมด้วยความสุข อะดรีนาลีนฉีดหลั่งเมื่อเห็นไก่ฝ่ายที่ตนถือหางสังหารฝ่ายตรงข้าม หรือมวยเด็กในคาถาประเคนศอกน็อกคู่ต่อสู้ เขาจะไม่เศร้าใจให้กับการเจ็บตายในสังเวียนและคงไม่รู้สึกอะไรที่จะก่อความรุนแรงเช่นนั้นบ้างนอกสังเวียนหรอกกระมัง

พ้นออกไปจากสังเวียน เรายังเห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนกันอย่างต่อเนื่อง เช่น การบังคับขืนใจเด็กรุ่นน้องให้เข้าไปโดนรุ่นพี่ระบายอารมณ์ใคร่ในห้องเชียร์  การว๊ากของรุ่นพี่ที่ก็มิได้มีวุฒิภาวะมากกว่ารุ่นน้องสักเท่าไหร่บางครั้งเลยเถิดไปเป็นการทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง เสียอนาคต เสียอวัยวะไปก็มี  สิ่งเหล่านี้ถ้าว่าตามตัวอักษรแล้วอาจจะผิดทั้งกฎหมายบ้านเมืองและกฎสถาบัน แต่ผู้มีหน้าที่ก็อาจเอาหูเอาตาไปไร่ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่อ้างการทำตามวัฒนธรรมธรรมเนียมประเพณี ที่ใครไม่ทำจะถูกกลั่นแกล้งและกีดกันจากสังคมจนอาจทนเรียนต่อไปไม่ไหว

ในโลกปัจจุบัน เราจะเห็นประเทศที่เคยนิยมเรื่องประเภทนี้พยายามลดลง การสู้วัวในสเปนถูกต่อต้านมากจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนจนผู้เข้าชมการแข่งขันน้อยลง หลายแห่งยกเลิกการต่อสู้หรือเปลี่ยนเป็นการโชว์แบบไม่ฆ่า การสังเวยชีวิตสัตว์คราวละหลายแสนตัวด้วยวิธีการใช้ของมีคมฆ่าโหดเพื่อบูชาเทพ Gadhimai ในเนปาลได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปีที่แล้ว การใช้แรงงานเด็กในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งการทำเรื่องอันตรายถูกควบคุมอย่างเคร่งครัดในชาติตะวันตก พ่อแม่จะมีความผิด ส่วนที่ยังทำไม่สำเร็จ เช่น การกินเนื้อสุนัขในเกาหลี สัตว์สวนของชาวจีน หรือการล่าวาฬของญี่ปุ่น ก็โดนต่อต้านจากนักสิทธิมนุษยชนอย่างหนักด้วยเครื่องมือและกลไกระดับชาติที่หนักหน่วงขึ้นทุกที ส่วนเรื่องการว๊ากน้องยิ่งไม่ต้องพูดถึงในประเทศที่พัฒนาแล้ว กิจกรรมที่ไม่ส่งเสริมความเท่าเทียมกันแบบนี้ ผู้ที่นำมาเล่นจะถูกต่อต้านจากสังคมและกฎหมายอย่างหนัก

ไม่ควรมีข้ออ้างที่จะขัดขวางความการเป็นอารยะในจิตใจโดยอาศัยคำกล่าวอย่างน้ำขุ่นๆ ว่ามันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมานานแล้ว อยู่คู่กับสังคมไทยจนไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ หรือใครยกเลิกจะเป็นการลบหลู่บรรพบุรุษ ละเมิดความเชื่อผู้อื่น บลาบลาบลา  ถ้าเติมความเป็นคนลงในจิตใจให้มากสักหน่อยจะรู้สึกสังเวชเรื่องทารุณเพราะความสนุกหรือความเชื่อที่ผิดๆ เหล่านี้ทันที ในอดีตที่บรรพบุรุษเราเคยทำมานั้นอาจเหมาะสมกับยุคสมัยโน้นหรือท่านอาจจะทำผิดได้เหมือนปุถุชนทั่วไป ไม่ควรเอามาอ้างบังหน้าเพื่อถนอมสันดานดิบที่ต้องการทำร้ายสิ่งมีชีวิตอื่นเพราะความสนุกหรือรายได้มหาศาล

ในอดีตไทยยุคจอมพล ป.เคยออกกฎหมายรัฐนิยมเพื่อให้ไทยเป็นอารยะ บางอย่างอาจดูน่าขำ เช่น ส่งเสริมการเลี้ยงไก่ หรือเลิกทานหมากพลู แต่การออกกฎหมายแบบนี้แสดงให้เห็นว่าไทยเราเคยกล้าเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมโดยไม่แคร์ว่าจะเก่ามาจากไหน ดังนั้น การส่งเสริมค่านิยมที่เห็นคุณค่าการรักชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ตลอดจนสร้างตัวคนไทยเองให้เปี่ยมด้วยความเมตตาและลดความรุนแรงนั้น น่าจะเริ่มจากการปราบปรามธรรมเนียมโหดร้ายเช่นนี้ก่อนครับ