รอเฟด

รอเฟด

รอเฟด

สวัสดีครับ นักลงทุน ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าเป็นเดือนแห่งความสุขของนักลงทุนโดยแท้จริง ถึงแม้ต้นเดือน จะตื่นเต้นจากการขายทำกำไร แต่ก็สามารถวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,558 จุด

การที่ตลาดหุ้นในเดือนส.ค. วิ่งไปถึง 1,558 จุด ได้ เพราะฝีมือนักลงทุนต่างประเทศ ถ้าเราหันไปดูตัวเลขการซื้อ-ขาย ของนักลงทุนต่างประเทศ ในเดือนส.ค. พบว่านักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3.3 หมื่นล้านบาท ทำให้เห็นชัดเจนว่า ที่ผ่านมาหุ้นขึ้นเพราะ FUND FLOW อย่างเห็นได้ชัด

ประกอบกับในเดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นขึ้นได้ เนื่องมาจากเศรษฐกิจไทยดูดีขึ้นก็มีส่วน โดยตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ ท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐเป็นหลัก โดยบล.ฟินันเซียไซรัสฯ ได้ปรับประมาณการ GDP ปี 2016-2017 ขึ้น 0.1% เป็นขยายตัว 3.3% ในปีนี้ และขยายตัว 3.5% ในปีหน้า

ตลาดหุ้นในเดือนส.ค. ดีมาเรื่อยๆ แต่พอหลังจากการประชุมประจำปีที่ แจ็คสัน โฮล เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา เฟดเริ่มส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง และมีโอกาสที่จะเริ่มขยับขึ้นตั้งแต่การประชุม ในวันที่ 20-21 กันยายนนี้ เลยส่งผลทำให้ตลาดหุ้นผันผวน จากแรงกดดันจากเฟด

สำหรับปัจจัยที่ต้องตาม ในเดือนก.ย.นี้ นอกจากตามเฟด ว่าขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ยังต้องมาตามดูว่า ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ โดยธนาคารกลางยุโรป ประชุมวันที่ 8 ก.ย. ธนาคารกลางอังกฤษประชุมวันที่ 15 ก.ย. และธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมวันที่ 20 ก.ย.

อย่างไรก็ดี ท่านนักลงทุนยังคงต้องตามกันต่อว่า FUND FLOW ยังเข้าต่อหรือไม่ ถ้ายังมีเข้าต่อเนื่อง ตลาดหุ้นก็จะไปต่อได้ โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ หุ้นใหญ่ที่ผมชอบคือ SCC ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ฯ ให้ราคาปัจจัยพื้นฐานไว้ที่ 600 บาท

มีท่านนักลงทุนถามมาเกี่ยวกับ หุ้นน้ำมัน ผมขอให้รอราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ WTI ใกล้ๆ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในราคาแถวนี้ ซัปพลายจะลดลง เป็นผลดีต่อราคาน้ำมัน

แต่มีข่าวกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน จะมีการนัดเจรจากัน เรื่องภาวะล้นตลาดของน้ำมัน ในช่วงปลายเดือนก.ย. มารอดูกันว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาที่เป็นรูปธรรม ที่ทำให้ซัปพลายลดลง

สำหรับท่านนักลงทุนที่เป็นแฟนกลุ่มแบงก์ ยังมองว่า แบงก์ไทยยังสุดยอดเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในภูมิภาค แบงก์บ้านเรา NIM ยังสูงคือ ประมาณ 3.42% เทียบกับ NIM ของญี่ปุ่น 1% โดยหุ้นแบงก์ที่ดูโดดเด่น คือ SCB ราคาปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 182 บาท

อีกกลุ่มหนึ่งที่ ท่านนักลงทุนถามมามาก คือ กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มนี้เริ่มกลับมาน่าสนใจ มีหุ้นน้องใหม่หลายตัวในกลุ่มนี้ ด้านราคาเห็นว่าพักฐานมาสักระยะหนึ่งแล้ว ดัชนีกลุ่มนี้ ปรับตัวลงมาจากจุดสูงสุดกลางเดือน เม.ย. ประมาณ 6% แต่ SET ขึ้นมา 9% ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานกลุ่มนี้ยังดี อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมที่เป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล เมื่อเร็วๆ นี้ BOI เห็นชอบนโยบายส่งเสริมการแพทย์ครบวงจร ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ 5-8 ปีแก่กิจการผลิตยา ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส3 ปี2559 น่าจะโตต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงพีค หุ้นที่ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ มี BCH ราคาพื้นฐานปี 2560 อยู่ที่ 14 บาท และBDMS ราคาพื้นฐานปี 2560 อยู่ที่ 26บาท

กลยุทธ์การลงทุนเดือนนี้ ซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัว ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัสฯ ยังคงมองว่า ดัชนี ยังมีเป้าหมายที่ 1,650 จุด แต่อยากให้ซื้อหุ้น ตอนหุ้นปรับตัว และต้องติดตามการประชุมเฟด ในวันที่ 20-21 กันยายน นี้อย่างใกล้ชิด และต้องตาม FUND FLOW ว่ายังมีไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะระยะหลัง FUND FLOW เริ่มชะลอหลังจากกังวลเรื่องเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย แม้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้จะมีน้อยกว่า 40 % แต่เนื่องด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ หลายตัวดูดีขึ้นมาก โดยเฉพาะตลาดแรงงาน ดังนั้นนักลงทุนต่างชาติจึงเลือกที่จะรอดูความชัดเจน FUND FLOW เลยชะลอไป อย่างที่ทราบกัน ตลาดหุ้นชอบความชัดเจน

ด้านเทคนิค ตลาดหุ้น มีแนวรับ อยู่ที่ 1,520-1,500 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 1,560 จุด พบกันเดือนหน้าครับ