มัวแต่จับโปเกม่อน แต่กลัวพร้อมเพย์

มัวแต่จับโปเกม่อน แต่กลัวพร้อมเพย์

ช่วงเดือนที่ผ่านมากระแส Pokemon Go

 ระบาดในหมู่คนไทยไม่แพ้หลายๆ ประเทศในโลกที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ดเดินก้มหน้าก้มตา เอานิ้วจิ้มๆ ถูๆ ไถๆ หน้าจออย่าเมามัน 

อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของประเทศในยุคที่ประเทศกำลังก้าวเข้าสู่ ไทยแลนด์ 4.0 ที่ดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทกับทุกด้านของชีวิต รวมถึงด้านการเงินที่ประเทศไทย อยู่ในช่วงก้าวกระโดดจากสังคมเงินสดไปสู่สังคมไร้เงินสด (cashless society) ผ่านแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ( National e-Payment)

  แน่นอนว่าความท้าทายในกระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้ จะเกิดขึ้นอีกมากตามความไม่เท่าทันกัน ด้านความรู้ทางด้านเทคโนโลยี และด้านการเงินของคนในสังคม

    เช่นเดียวกันข่าวคราวที่สร้างความกังวลให้คนไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเรื่องพ่อค้าออนไลน์ถูกมิจฉาชีพหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว ไปทำธุรกรรมทางการเงินสูญเงินกว่าล้านบาท หรือแก๊งมิจฉาชีพแฮ็กตู้เอทีเอ็มธนาคารแล้วฉกเงินออกจากตู้ไปกว่า12ล้านบาท เกิดความกังวลว่าแบงก์ยังโดนแฮกได้แล้วประชาชนตาดำๆ จะรอดพ้นได้หรือ และลามมาถึงความกังวลในการใช้พร้อมเพย์ ซึ่งเป็นด่านแรกของ National e-Payment และในขั้นสูงสุดของพร้อมเพย์คือการเงินบนโลกดิจิทัล

    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Pokemon Go และพร้อมเพย์ มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งที่เกิดขึ้นบนโลกดิจิทัลเหมือนกัน 

   ไม่แปลกที่เรายอมรับการเล่น Pokemon Go เพราะมันเป็นเกมส์ที่สร้างความบันเทิง แต่เรากลัวการใช้พร้อมเพย์หรือธุรกรรมออนไลน์เพราะเป็นเรื่องเงินในกระเป๋า แต่หารู้ไม่ว่าความบันเทิงที่แฝงอันตราย เพราะเรากำลังเปิดประตูความเป็นส่วนตัวให้โลกโซเชียลบุกจู่โจมเข้าถึงห้องนอนและแม้กระทั่งทุกที่ที่เราเดินไป

     อันตรายที่ว่าไม่ใช่อุบัติเหตุจากการเดินถนนเล่นเกมส์ตามจับโปเกม่อนหรือลูกบอลใดๆ แล้วสะดุดล้มตกฟุตบาทหน้าฟาดพื้นเท่านั้น  แต่จะขอพูดถึงความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ที่ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น Pokemon Go หรือผู้ใช้พร้อมเพย์ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองไม่แพ้กัน

     ทุกย่างก้าวที่เดินเก็บโปแกม่อนของเรา ๆ ท่าน ๆ เป็นที่รับรู้ของโลกออนไลน์ทั้งหมด ลองนึกภาพดูว่า ใครที่ต้องการจู่โจมเข้าถึงตัวเราต่อไปนี้สามารถทำได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ถ้าเคยใช้ Google Earth คงพอจะนึกภาพออก เรากำลังเปิดข้อมูลส่วนตัวของเราให้คนทั่วโลกได้เห็น มิจฉาชีพก็เห็นเช่นกัน

    เฉกเช่นเดียวกับข้อมูลส่วนตัว ที่จะเป็นข้อมูลสำหรับใช้ในการตรวจสอบตัวตนทุกครั้ง ที่ทำธุรกรรมทางการเงิน เราควรต้องรักษาไว้ให้ดี และไม่ควรเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพเข้าถึงได้ เพราะขึ้นชื่อว่าโจรย่อมพยายามล้วงเจาะเคาะแคะทุกทางตามหน้าที่มิจฉาชีพ เราในฐานะผู้ปกป้องไม่ควรประมาท ในการทำหน้าที่ปกป้องข้อมูลบัญชีของตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด