เตรียมตัวสู่อิสระภาพ

เตรียมตัวสู่อิสระภาพ

เตรียมตัวสู่อิสระภาพ

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกๆท่าน ช่วงนี้หลายท่านคงสนใจติดตามข่าวการเคลื่อนไหวของกีฬาโอลิมปิคกันบ้างนะครับและก็คงร่วมเชียร์หรือส่งแรงใจให้กับนักกีฬาไทยเราให้ได้รับเหรียญเพิ่มขึ้น หลายชาติในเอเชียเริ่มแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางกีฬาให้เป็นที่ประจักกับสายตาชาวโลก ทำให้ผมนึกถึงบทความที่สำรวจความมั่งคั่งของโลก world wealth report ฉบับปี 2016 ที่ตีเผยแพร่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยในรายงานฉบับดังกล่าวมีข้อมูลที่น่าสนใจหลายเรื่องด้วยกันเช่นในการสำรวจในปีที่ผ่านมาบุคคลที่มีความมั่งคั่งระดับ high networth(HNW)คือบุคคลที่มีสินทรัพย์(สภาพคล่อง)สิทธิเกินกว่า30ล้านดอลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1,050 ล้านบาท) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ของเราแซงหน้าภูมิภาคอเมริกาเหนือที่ครองแชมป์ความมั่งคั่งอันดับหนึ่งมาโดยตลอดได้เป็นครั้งแรก นอกจากนั้นรายงานฉบับนี้ยังคาดการณ์ว่าความมั่งคั่งโดยรวมของบรรดาเหล่า HNWของโลกรวมกันทั้งสิ้นจะเกินกว่า 100 ล้านล้านดอลาร์สหรัฐในปี 2025 หรือมีปริมาณมากกว่า 3 เท่าของตัวเลขดังกล่าวในปี 2016 หรือคิดง่ายๆคือโตมากกว่าปีละ 15% โดยเฉลี่ย นั่นแปลว่าโลกเราจะมีจำนวนบุคคลระดับซุปเปอร์เศรษฐีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในช่วงที่ผ่านมาและในอีก 10ปีข้างหน้า

วันนี้ผมก็เลยอยากพูดคุยถึงลักษณะนิสัย พฤติกรรมหรือวิธีคิดของบรรดาผู้ที่ประสบความสำเร็จและสามารถเติบโตเป็นซุปเปอร์เศรษฐีได้ด้วยตัวเอง(ไม่ได้รวยจากมรดก) เพื่อเป็นข้อคิดหรือแรงบรรดาลใจให้กับท่านผู้อ่านเผื่อว่าในอนาคตพวกเราจะได้มีโอกาสเป็นซุปเปอร์เศรษฐีกับเขากันบ้าง

1. ฝันให้ใหญ่ บรรดาซุปเปอร์เศรษฐีที่ประสบความสำเร็จด้วยตัวเองส่วนใหญ่มักจะมีความฝันที่จะประสบความสำเร็จและส่วนใหญ่ฝันนั้นมักจะเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่และโดยมากฝันดังกล่าวไม่ได้เป็นฝันที่จะรวยแต่เป็นฝันเห็นความสำเร็จในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือบริการหรือวิธีคิดของตัวเอง เหมือนอย่างที่ เซอร์ริชาร์ด แบรนสันได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าสิ่งที่เราฝันยังไม่ทำให้เราเองยังกลัว ก็แปลว่าฝันนั้นมันยังเล็กไป”

2. อดทน เมื่อเรามีความฝันและเริ่มลงมือทำให้ฝันเริ่มก่อร่างขึ้น ใจเราต้องนิ่งพอและมีความอดทนที่เพียงพอ เพื่อที่จะสานต่อความฝันหรือจุดมุ่งหมายที่เราตั้งไว้ให้ไปถึงจุดสำเร็จ เรื่องความอดทนนี้เป็นอุปนิสัยที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นต่อเรื่องของความสำเร็จในชีวิตหรือเรื่องการลงทุน หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารความมั่งคั่งยิ่งหนทางข้างหน้ายิ่งยาวไกลหรือความฝันของเรายิ่งมีความยิ่งใหญ่ ความอดทนจะยิ่งมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น

3. ไม่หาข้อแก้ตัว บางครั้งเรื่องราวหรือสถานการณ์อาจไม่เป็นไปอย่างที่เราตั้งสมมติฐานเอาไว้แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะใช้เป็นเหตุผลในการแก้ตัวหรือเป็นข้ออ้างที่จะใช้เป็นข้อต่อรองต่อการบรรลุเป้าหมาย แต่เป็นสิ่งที่เราต้องหาทางเอาชนะหรือก้าวข้ามหรือหลีกเลี่ยงให้ได้เพื่อที่จะมุ่งหน้าต่อไป

4. ไม่เอาแต่เสียใจ บางครั้งเหตุการณ์หรือผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปอย่างที่เรามุ่งหวังเอาไว้โดยเฉพาะเหตุการณ์หรือผลลัพธ์ในระยะสั้นๆ หากเรารู้สึกเสียใจหรือผิดหวังกับผลที่เกิดขึ้นอาจเป็นจุดหักเหที่ทำให้เราเลิกพยายามที่จะทำตามความฝันของเราต่อไป เปลี่ยนความผิดหวังหรือเสียใจเป็นการเรียนรู้และเก็บเกี่ยวสิ่งที่เกิดขึ้นให้เป็นบทเรียนหรือประสบการณ์เพื่อใช้เป็นบทเรียนหรือข้อมูลที่ใช้สำหรับปรับปรุงการตัดสินใจของเราในอนาคต ยิ่งเราอยู่ในโลกปัจจุบันที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะในเรื่องของการลงทุนที่ความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาข้อผิดพลาดหรือผลลัพธ์ที่ไม่ได้ดังใจสามารถนำมาใช้เป็นบทเรียนที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีกหรือลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้ลดน้อยลงได้

5. กล้าที่จะรับความเสี่ยง ในโลกปัจจุบันที่ปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี การเมืองในประเทศและระหว่างภูมิภาค ภาวะอากาศ พฤติกรรมของผู้บริโภคมีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วธุรกิจต่างๆ หากไม่มีการปรับตัวให้รับกับสิ่งที่จะเกิดธุรกิจดังกล่าวอาจหยุดชะงักหรือล้มหายตายจากได้ เช่นเดียวกันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็สร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่ๆหรือซุปเปอร์เศรษฐีรุ่นใหม่ๆให้เกิดขึ้นได้เช่นกัน เช่นธุรกิจสตาร์ทอัพที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบันเป็นต้น

ดังนั้นความคิดริเริ่มในการที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เคยทำๆอยู่ ความกล้าที่จะคิดนอกกรอบหรือนอกโซนแห่งความสบายเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง หรืออย่างที่สตีฟ จ๊อบได้กล่าวเอาไว้ “อย่าถามลูกค้าถึงสิ่งที่เขาอยากได้ เพราะเมื่อเราได้รับคำตอบและกว่าจะได้นำเสนอสิ่งนั้น ความต้องการของลูกค้าก็เปลี่ยนไปแล้ว”

ครับนั่นก็เป็นข้อคิดหรืออุปนิสัยบางประการที่สำคัญต่อการประสปความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จขนาดใหญ่หรือเล็ก ท้ายสุดนี้ผมก็ขออวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านประสบความสำเร็จทั้งในการลงทุนและเรื่องอื่นๆในชีวิตนะครับ