ล้างเผ่าพันธุ์ 'บูรณุปกรณ์'?

ล้างเผ่าพันธุ์ 'บูรณุปกรณ์'?

นาทีนี้ คนไทยจะรู้จัก “บูรณุปกรณ์”

 ตระกูลการเมืองแห่งล้านนามากขึ้น

20 ปีที่แล้ว “เสี่ยตุ๊” ปกรณ์ บูรณุปกรณ์ จะใช้ “ร้านทัศนาภรณ์” ริมถนนเชียงใหม่-สันกำแพง เป็นกองบัญชาการการเมือง

ขณะที่พี่ชายเสี่ยตุ๊คือ “เสี่ยโต๊ะ” บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ จะเป็นแม่ทัพธุรกิจของตระกูล

“ปกรณ์” ก้าวสู่เส้นทางการเมืองท้องถิ่นปี 2538 ในนามสมาชิกกลุ่มนวรัฐพัฒนา ของ “เสธ.ม่อย” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย และ บุษบา ยอดบางเตย

กลุ่มนวรัฐพัฒนา ยึดเทศบาลนครเชียงใหม่ได้สำเร็จ “ปกรณ์” มีตำแหน่งเป็นแค่สมาชิกสภาเทศบาล และเมื่อมีโอกาสจะเป็นใหญ่ ปกรณ์ได้รวบรวมพลพรรคเป็น “งูเห่า” ในรังของ เสธ.ม่อย แยกตัวออกมาตั้งกลุ่ม เชียงใหม่คุณธรรม โค่นกลุ่มเดิมสำเร็จ

“ปกรณ์” เป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ 2 สมัย(ปี 2541-2543) ก่อนจะลาออกไปลงสมัคร ส.ส.สังกัดพรรคไทยรักไทย

ส่วนเทศบาลนครเชียงใหม่ ก็ได้พี่ชาย บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ มาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนายกเทศมนตรีฯ

“ปกรณ์” ไม่หยุดการขยายอาณาจักรการเมือง จึงนำหลาน 2 คนคือ “กุ้ง” ทัศนีย์ และ “ไก่” ทัศนัย มาฝึกฝนรอจังหวะเล่นการเมืองท้องถิ่น

“กุ้ง-ไก่” เป็นลูกของพรทัศน์ บูรณุปกรณ์ และผ่องศรี บูรณุปกรณ์ และยังมีน้องสาวอีกคนชื่อ “ธารทิพย์” หรือ “กวาง”

ปี 2546 ปกรณ์ส่งหลานสาว-ทัศนีย์ ไปยึดเทศบาลตำบลช้างเผือก และเป็นนายกเทศมนตรีหญิงคนแรกของเทศบาลแห่งนี้

“กุ้ง ทัศนีย์” บริหารเทศบาลตำบลช้างเผือก 2 สมัย จนถึงปี 2554 ก็ลาออกไปสมัคร ส.ส. และให้สามี- คเชน เจียกขจร รับไม้ต่อเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลช้างเผือก

ปี 2551 “บุญเลิศ” ขยับไปยึดที่มั่นองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ก็ดึงหลานชาย- ทัศนัย บูรณุปกรณ์ มาเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่แทน

ปี 2554 ทัศนีย์ ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 เป็นครั้งแรก

ตระกูล “บูรณุปกรณ์” เคยมี “ปกรณ์” เป็น ส.ส.เชียงใหม่อยู่ 2 สมัย และเมื่อปกรณ์เสียชีวิต ก็ได้ “ทัศนีย์” มาเป็นทายาท

หลังเกิดรัฐประหาร 2557 ทัศนีย์ต้องเว้นวรรคทางการเมือง “บุญเลิศ” จึงแต่งตั้งทัศนีย์ เป็นรองนายก อบจ.เชียงใหม่

หากมองในภาพรวม “บูรณุปกรณ์” ได้ยึดการเมืองท้องถิ่นเชียงใหม่ไว้หมด ทั้ง อบจ.เชียงใหม่ และสองเทศบาลในพื้นที่ไข่แดงของมหานครล้านนา

“บูรณุปกรณ์” เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงหนุนจาก “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์

บูรณุปกรณ์จึงตกเป็นเป้าหมายของ คสช. ในการสลายขุมกำลัง ซึ่งได้แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์แล้ว