The Unexpected

บนโลกที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยความเสี่ยง ฝีมืออย่างเดียวคงไม่พอ เราทุกคนต้องการโชค ดังนั้น สิ่งสำคัญมาก

ที่ควรรู้ก็คือ เวลาใดที่โชคอยู่ข้างคุณ

ดัชนีตลาดหุ้นที่พุ่งสูงช่วงนี้ เป็นภาพสะท้อนความผันผวนสุดขีด ประชามติ Brexit ที่กระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงทั่วโลก กลับกลายเป็นปัจจัยผลักดันตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างแรง เพราะนักลงทุนคาดว่า เฟดจะชะลอขึ้นดอกเบี้ยและธนาคารกลางอื่นๆ จะลดดอกเบี้ยและทำ QE เพิ่ม

ในอดีต หุ้นขึ้นเพราะเศรษฐกิจดี แต่ปัจจุบัน หุ้นขึ้นเพราะเศรษฐกิจแย่ ยิ่งแย่หุ้นยิ่งขึ้น เพราะธนาคารกลางจะพิมพ์เงินเพิ่ม เงินไม่ไหลไปภาคเศรษฐกิจจริง เพราะมันย่ำแย่ แต่จะไหลเข้าตลาดหุ้นและสินทรัพย์ต่างๆ ขณะเดียวกัน ดอกเบี้ยติดลบก็ยิ่งไล่เงินดีไปสู่ตลาดเก็งกำไร

ปรากฏการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันจึงไม่มีในตำรา นักวิชาการก็บอกไม่ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ที่แน่ๆ มันบอกถึงความเหลวไหลไร้เหตุผลอย่างที่สุด คำถามคือสิ่งที่ขัดกับสามัญสำนึกเช่นนี้ จะไปได้ยาวนานสักเท่าไร?

มองมุมโหราศาสตร์ ภาวะตลาดหุ้นปัจจุบันเป็นผลจากวัฏจักรพฤหัสเนปจูนรอบใหม่ที่เริ่มต้น 28 พฤษภาคม 2552 วัฏจักรนี้เข้าสู่ Peak เมื่อพฤหัสเข้าราศีสิงห์ 14 กรกฎาคม 58-11 สิงหาคม 59 จากนั้นจะกลายเป็นขาลง การพิมพ์เงิน QE ของธนาคารกลางจะลดลง เสื่อมประสิทธิภาพ หรือก่อให้เกิดผลตรงข้าม กลายเป็นตัวจุดชนวนวิกฤติรอบใหม่

สิงห์คือราศีแห่งการเสี่ยงโชค เก็งกำไร ลงทุน พฤหัสคือการเติบโต พฤหัสสิงห์ทำให้สิ่งเหล่านี้เฟื่องฟู สิงห์เป็นภพที่ 5 ของดวงเมืองไทย อันเกี่ยวข้องกับตลาดทุน ดัชนี SET ที่ทำจุดสูงใหม่ในรอบปี จึงเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ แต่ที่น่าคิดคือ เมื่อพฤหัสยกออกไปแล้ว มันจะเป็นอย่างไรต่อไป?

อันที่จริง การเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ไม่ได้ขึ้นกับพฤหัสเพียงดวงเดียว มันขึ้นจังหวะดาวอื่นๆ ด้วย ถ้าดาวเหล่านั้นสนับสนุนส่งเสริม ก็เติบโตได้มากมายมหาศาล แต่ถ้ามันหักล้างทำลายกัน การเติบโตก็เกิดขึ้นไม่ได้ หรือได้น้อยกว่าที่ควร

เสาร์คือดาวสำคัญที่ต้องพิจารณาเสมอ เสาร์คือการหดตัว ซึ่งตรงข้ามกับพฤหัส ดังนั้น ถ้าทั้งคู่ทำมุมร้ายกัน โอกาสเติบโตมากๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้ เช่นใน Peak ของวัฏจักรพฤหัสเนปจูนรอบนี้ที่มีเสาร์พิจิกมาขัดขวาง เสาร์เป็นดาวการเมืองไทย ทั้งยังกุมพฤหัสสนิทในพื้นดวง การเมืองจึงมีผลอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย

เสาร์ถอยหลังตั้งแต่ 25 มีนาคม 59 ช่วงนั้น มีการเปิดตัวร่างรัฐธรรมนูญใหม่ การเมืองเข้าสู่ภาวะอึมครึมไม่ชัดเจน เพื่อรอดูผลของประชามติ แต่การเมืองไม่มีคำว่า 100% เมื่อการเมืองไม่นิ่ง ความมั่นใจและการลงทุนต่างๆ ของภาคเอกชนก็เกิดยาก การลงทุนภาครัฐฝ่ายเดียว ย่อมไม่อาจขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้ไกล

เสาร์จะเดินหน้า 13 สิงหาคมมันคือ 1 สัปดาห์หลังประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ ถึงวันนั้น ข้อสงสัยต่างๆ คงกระจ่างชัด การเมืองไทยเดินหน้าอีกครั้ง คำถามคือเดินหน้าไปสู่อะไร? สงบมั่นคงหรือปั่นป่วนวุ่นวาย

คำตอบรออยู่ในอนาคต แต่มีปรากฏการณ์ดวงดาวสำคัญที่ชี้ทางเราได้ วันที่ 3 สิงหาคม เกิดอมาวสี (จันทร์ดับ) ที่ 16:53 องศากรกฎ เล็งทศมลัคน์และพลูโตดวงเมืองสนิท เกิดเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวพันกับอำนาจ (พลูโต) ทางการเมือง (ทศมลัคน์) ซึ่งก็คือประชามติ 7 สิงหาคม

ที่สำคัญมากคือ (1) มฤตยูวิกลคติพักร (Stationary-retrograde: หยุดนิ่งเพื่อถอยหลัง) 30 กรกฎาคม ที่ 0:25 องศาเมษ (2) เสาร์วิกลคติเสริด (Stationary-direct: หยุดนิ่งเพื่อเดินหน้า) 13 สิงหาคมที่ 15:42 องศาพิจิก (3) ทั้งคู่ทำมุมร้าย 135 ต่อกัน มฤตยูคือ The Unexpected เสาร์คือการเมือง วันประชามติอยู่หว่างกลางจุดวิกลคติพอดี (บังเอิญหรือฟ้าลิขิต?) อาจเกิด Surprise ใหญ่หลวงทางการเมือง

ก่อนเสาร์เดินหน้าเพียง 2 วัน พฤหัสยกเข้ากันย์-เป็นปรเกษตร์อ่อนแอ และทำมุม 150 กับมฤตยูเมษ พฤหัสคือกฎหมาย การเมืองจะเดินหน้าได้ อยู่ที่เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญใหม่วันที่ 24 สิงหาคม อังคารกุมเสาร์สนิทและทำมุม 90 กับสุริยคราส 1 กันยายน (หน้า 7 หลัง 7 วัน) เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง

ยังมีปรากฏการณ์ดวงดาวพิสดารประการหนึ่ง ซึ่งพบได้ยากมากๆ นั่นคือจุดกึ่งกลางราศีพิจิกถูก Trigger อย่างต่อเนื่อง

เริ่มจากเนปจูนดับ 28 กุมภาพันธ์ที่ 15:24 องศากุมภ์ (มุม 90) อังคารวิกลคติพักร 17 เมษายน ที่ 14:49 องศาพิจิกเสาร์วิกลคติเสริด 13 สิงหาคม ที่ 15:42 องศาพิจิก อังคารกุมเสาร์ 24 สิงหาคม ที่ 15:47 องศาพิจิก สุริยคราส 1 กันยายน ที่ 15:16 องศาสิงห์ (มุม 90) เนปจูนเพ็ญ 2 กันยายน ที่ 16:32 องศากุมภ์ (มุม 90) เสาร์ 90 เนปจูน 10 กันยายน ที่ 16:19 องศาพิจิก-กุมภ์ ราหูเล็งเนปจูน 18 พฤศจิกายน ที่ 15:9 องศาสิงห์-กุมภ์ (มุม 90) และเนปจูนวิกลคติเสริด 20 พฤศจิกายน ที่ 15:9องศากุมภ์ (มุม 90)

จุดกึ่งกลางราศีพิจิกสำคัญอย่างไร? มันคือวรโคตมนวางค์ อันเป็นจุดที่เข้มแข็งที่สุดและแสดงคุณสมบัติของราศีได้ดีที่สุด พิจิกคือภพ 8 (มรณะ) ของโลก เมื่อถูกกระตุ้นอย่างหนัก ความสูญเสีย การพลัดพราก ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ภัยพิบัติ ซึ่งเป็นความหมายของภพมรณะ ย่อมเกิดขึ้นมากด้วย

จุดกึ่งกลางพิจิกนี้เล็งอังคารเดิมในดวงเมืองไทย อังคารคือดาวเจ้าเรือนลัคน์ ซึ่งบอกถึงสภาพความเป็นไปในบ้านเมืองอังคารถูกเบียนหนัก ชี้ถึงปัญหาอุปสรรคมากมาย ยังโชคดีที่ห่างไป 4 องศา เรื่องราวไม่ควรหนักหนาสาหัสนัก

ช่วงตึงเครียดที่สุดอยู่เดือนสิงหาคม-กันยายน อังคารวิกลคติคือตัวเปิดแผล เสาร์วิกลคติคือตัวกวาดล้างและปิดเกมส์ อังคารกุมเสาร์คือการเริ่มต้นใหม่ สุริยคราสและเนปจูนเพ็ญชี้ว่า ถ้าเริ่มใหม่ไม่ได้ จะมีการบิดเบือนสร้างภาพและเกิดปัญหาใหม่ เสาร์ทำมุม 90 กับเนปจูน บอกถึงความขัดแย้งที่ทั้งเปิดแผลใหม่และขยายแผลเดิมให้ยิ่งรุนแรง

ก่อนสุริยคราส 1 วัน มฤตยูถอยกลับมีนและทำมุม 135 กับจุดกึ่งกลางพิจิก นี่คือกุญแจสำคัญ มฤตยูคือ The Unexpected

อย่าตั้งความหวังใด เพราะมันจะไม่เกิดขึ้น