กระทรวงการคลังใสสะอาด : ต้องให้ผู้เสียภาษีคือ‘ลูกค้า’

กระทรวงการคลังใสสะอาด : ต้องให้ผู้เสียภาษีคือ‘ลูกค้า’

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่าจะทำให้หน่วยงานของท่าน

เป็น กระทรวงใสสะอาด ด้วยการกวาดล้างใหญ่การทุจริต โดยเฉพาะในสามกรมที่เกี่ยวกับภาษี นั่นคือกรมสรรพากร กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร

ท่านบอกว่าทั้งสามกรมจะต้องดูแลผู้เสียภาษีให้เป็น ลูกค้า ไม่ใช่ไปข่มขู่

ท่านบอกว่าเจ้าหน้าที่ต้องแนะนำผู้เสียภาษีทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้เข้ามาในระบบอย่างเป็นระเบียบ

รัฐมนตรีอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ บอกว่าที่ผ่านมากระทรวงได้แก้ปัญหาทุจริต ด้วยการให้กรมบัญชีกลางดำเนินการ ด้านปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งสามารถประหยัดงบประมาณได้หลายหมื่นล้านบาท

แต่ท่านก็ยอมรับว่า ยังมีเรื่องที่จะต้องทำให้ดีขึ้นอีกมาก

ต่อมา คุณกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรก็รับลูกทันควัน บอกว่าจะนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการทำงานมากขึ้นเพื่อป้องกันการ สมรู้ร่วมคิด ระหว่างผู้ประกอบการที่ไม่สุจริตกับเจ้าหน้าที่ของกรมเอง

สองเรื่องใหญ่ที่จะทำคือป้องกันไม่ให้มีการสำแดงราคาสินค้านำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริง และป้องกันไม่ให้มีการแจ้งปริมาณสินค้าที่นำเข้าน้อยกว่าความเป็นจริง

ทั้งสองเรื่องนี้เกี่ยวพันกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีคลัง ที่กำลังเดินหน้าโครงการ บัญชีเล่มเดียว ของกรมสรรพากร

ประเด็นนี้มีเนื้อหาง่าย ๆ คือจะต้องเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ประกอบการที่นำเข้า นั่นคือต้นทางของการทำธุรกิจภายในประเทศให้ถูกต้องแม่นยำเสียก่อน

ถ้าข้อมูลต้นทางไม่ถูกต้อง โครงการ “บัญชีเล่มเดียว” ก็ไม่อาจสำเร็จได้

อธิบดีกุลิศบอกว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ กรมศุลกากรจะนำแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ มาเป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน

จากเดิมที่ต้องตัดสินใจด้วยการใช้ ดุลยพินิจ และประสบการณ์ของตนเอง ด้วยการเปิดตำราพิกัดอัตราภาษีสินค้านับหมื่น ๆ รายการเพื่อคิดภาษีจากผู้นำเข้า กลายเป็นช่องโหว่ของการหลบเลี่ยงภาษี

แอพพลิเคชั่นที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ จะมีรูปภาพของสินค้าและอัตราภาษีที่ชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรทั่วประเทศ สามารถนำข้อมูลมาใช้อ้างอิงในการเก็บภาษีอย่างถูกต้องแม่นยำ

ทั้งหมดนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องใหม่นัก เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ล้ำหน้าไปมากกว่านี้หลายเท่าแล้ว ยุคนี้เป็นยุค Big Data อันหมายถึงการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างกว้างขวาง เพื่อช่วยทำให้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่างานนั้น ๆ จะสลับซับซ้อนเพียงใด

ความจริงเรื่องเก็บภาษีไม่ได้ยุ่งยาก เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์ทันสมัยแต่อย่างไร เพียงสร้างวินัยและสำนึก ยึดมั่นในกฎกติกา ไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้ “ดุลยพินิจ” ส่วนตนเพื่อตัดสินในสิ่งที่ควรมีสูตรชัดเจน ตรวจสอบได้ ข้อมูลเปิดเผยโปร่งใสเท่านั้น

แนวความคิดให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อผู้เสียภาษีเป็น ลูกค้า มิใช่เป็น เหยื่อ ของการกรรโชกข่มขู่เป็นหลักการที่ถูกต้องและสมควรจะต้องทำมานานแล้ว เพียงแต่ว่าคำมั่นสัญญาของนักการเมือง ที่เข้ามาบริหารกระทรวงทบวงกรมทั้งหลายนั้นมิได้มีการปฏิบัติอย่างจริงจัง

มิหนำซ้ำ ผู้บริหารกระทรวงบางคนยังใช้ตำแหน่งแห่งหนสร้างโอกาส ทำมาหากิน กับอำนาจที่กฎหมายเปิดทางให้ใช้ “ดุลยพินิจ” แห่งตนจนเป็นที่มาของการฉ้อราษฎร์บังหลวงในลักษณะที่ กินทวนน้ำ และ กินตามน้ำ กันอย่างต่อเนื่องมาตลอด

ผมหวังว่าปฏิบัติการ “กระทรวงใสสะอาด” จะเกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง และเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเป็นเครื่องมือ ในการปราบเรื่องฉ้อฉลกลโกงอย่างมีประสิทธิภาพที่แท้จริง

เพราะไม่ว่าจะมีแอพพลิเคชั่นสมัยใหม่ๆ อย่างไร หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีสำนึกในการ ดูแลลูกค้า อย่างมืออาชีพและซื่อสัตย์สุจริต ความ“ใสสะอาด” ก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้

ภาวะ น้ำครำแบบเดิมๆ ก็จะยังแฝงตัวอยู่ในมุมมืดต่างๆ คอยจังหวะที่จะโผล่มาหลอกหลอนและดูดเลือดชาวบ้านเท่านั้นเอง