มายาการเงิน

มายาการเงิน

การเปลี่ยนแปลงภายใน และปัจจัยที่ต้องตาม (ตอน 3)

สวัสดีครับ ครั้งที่แล้วเราคุยกับถึงเรื่องปัจจัยที่ต้องติดตาม ซึ่งได้คุยถึงการปฏิรูปการโอนและรับเงินจากในอดีต ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง มาเป็นอัตราที่ต่ำหรือบางช่วงจำนวนของการโอนไม่มีค่าธรรมเนียมด้วยซ้ำไป คือ บริการ พร้อมเพย์ (Prompt Pay)

เมื่อครั้งที่แล้วผมได้สรุปคร่าว ๆ ว่าบริการดังกล่าวเป็นอย่างไร และในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้นมีความห่วงใยทั้งจากการได้รับข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้องนัก อาจเป็นเพราะด้วยความไม่เข้าใจว่าบริการดังกล่าวคืออะไร ใช้อย่างไร และต่างจากเดิมอย่างไร เลยทำให้มีการการส่งข้อความเผยแพร่กันในที่ต่าง ๆ ไม่น้อย

ก่อนทีจะถือโอกาสสรุปโดยสังเขปในเรื่องพร้อมเพย์นั้น จากที่มีการแชร์ข้อความค่อนข้างเยอะในสังคมออนไลน์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความเป็นห่วงอีกเรื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยอีกปัจจัยนึงที่เป็นทั้งคุณและโทษ นั่นคือ การสื่อสาร และการใช้สื่อ หรือเครื่องมือออนไลน์

จากที่เราทราบกันเป็นอย่างดีกว่าปัจจุบันการใช้สื่อนั้นเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ทั้งจากอดีตเราได้รับข้อมูลจากสื่อทางเสียง อาทิ วิทยุ เปลี่ยนเป็นโทรทัศน์ เปลี่ยนจากการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ท การพูดคุยผ่านโปรแกรม เช่น ICQ เป็นการสื่อสารผ่านเวปYouTube และพูดคุยผ่านสังคมออนไลน์ต่าง ๆ อาทิ ไลน์ Twitter Facebook เป็นต้น ซึ่งการสื่อความที่เกิดใหม่ทำให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม และมีต้นทุนในการสร้างข้อมูล หรือ คอนเท้นท์ที่มีราคาต่ำลง

ประเป็นที่น่าสนใจคือ การนำเอาเครื่องมือที่เกิดใหม่เหล่านี้มาทำให้เกิดประโยชน์เป็นเรื่องที่สำคัญ และต้องดำเนินการด้วยความละเอียดอ่อน เครื่องมือนี้เปรียบเสมือไฟที่มีความแรงและความอบอุ่น ที่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้กับเรา และอีกด้านถ้าใข้ผิด ไฟนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหาย ไหม้และทำลายสิ่งที่อยู่รอบ ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราได้รับข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียเหล่านี้มากขึ้นและบ่อยครั้งด้วยความเคยชิน เรามักเป็นส่วนหนึ่งของสังคมออนไลน์นั้น ๆ อยู่อย่างน้อย 1-2 กลุ่ม ซึ่งประโยชน์คือเวลามีข่าวสารสามารถส่งถึงกันได้ไวมาก และทำให้สามารถดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นได้ทันท่วงที เช่น หากมีข่าวเกิดอุบัติเหตุและแนะนำให้หลีกเลี่ยงช่องทางต่าง ๆ ไปใช้ช่องทางอื่น ซึ่งข่าวนี้สามารถส่งให้กับผู้รับเป็นจำนวนมากได้รวดเร็ว หรือเมื่อตอนเกิดเหตุใด ๆ ในต่างประเทศและมีเพื่อนหรือบุคคลในครอบครัวเดินทางอยู่ ก็สามารถได้รับข้อมูลความเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว หรือหากต้องการขอความช่วยเหลือก็สามารถทำได้

แต่ในทางกลับกัน การส่งข้อความโดยไม่ได้ดูหรือตรวจสอบก่อนว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เป็นความจริงหรือไม่นั้น ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะผู้รับข้อมูล เมื่อได้รับข้อมูลและเชื่อว่าข้อมูลที่ส่งมานั้นมีความน่าเชื่อถือเพราะคนส่งเป็นเพื่อน ญาติ หรือผู้ใหญ่ที่เคารพได้เป็นคน forward ข้อมูลเหล่านั้นมา ... มักจะบอกว่า “ช่วยกันแชร์” “ไม่แชร์ไม่ได้” “อ่านให้จบ” อันนี้น่าเป็นห่วง

ข้อมูลหลายข้อมูลเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่

-เกิดจากบุคคลที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องนั้น ๆ และเขียนมาเพื่อส่งต่อ
-ข้อมูลเก่าที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนและมีการส่งใหม่ไปมาและทำให้เชื่อว่าเป็นข้อมูลใหม่ (มักจะบอกด้วยว่า “ช่วยกันแชร์”
-ข้อมูลที่มีการแก้ไขข้อมูลบางส่วน รวมถึงข้อมูลที่ให้ร้ายแก่บุคคลอื่น

การส่งข้อมูลเหล่านี้ผู้รับข้อความที่ได้รับในช่องทางต่าง ๆ ต้องดูและเช็คก่อนว่าข้อมูลดังกล่าวมีความจริงหรือน่าเชื่อถือหรือไม่ หากเราไม่มั่นใจว่าข้อมูลนั้นถูกต้องเราไม่ควรส่งต่อให้กับผู้อื่น เพราะยิ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นวงกว้างกว่าเดิม

ในการใช้เครื่องมือใหม่ ๆ นี้นั้น เราผู้ดำเนินธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มี แต่ต้องระวังการส่งข้อมูลจากบุคคลอื่น ๆ ในการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องด้วย และการแก้ไขจะทำได้ยากกว่าการให้ข้อมูลในสมัยก่อนเสียอีก เพราะการส่งข้อมูลส่วนใหญ่จะส่งข้อมูลในออนไลน์ ซึ่งไม่สามารถตามชี้แจงได้หมด

ดังนั้นเพื่อให้ไม่เกิดความเสียหายทั้งกับตนเองและบุคคลอื่น ๆ ในฐานะที่เราเป็นผู้รับข้อมูล และจะส่งต่อให้กับคนอื่น ๆ เราจำเป็นต้องมั่นใจก่อนว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นมีความน่าเชื่อถือ ถ้าไม่มั่นใจ ต้องเช็คก่อน ถ้าตรวจสอบแล้วไม่พบ ไม่ควรส่งต่อ เพราะเราอาจตกเป็นเครื่องมือในการทำลายความเชื่อมั่นในการดำเนินการนั้น ๆ ได้โดยไม่รู้ตัว “Check ก่อน Share, Don’t Share if Not Sure!”

นอกจากเรื่องของข้อมูลออนไลน์นั้น ผมอยากสรุปโดยสังเขปเรื่องการใช้พร้อมเพย์ที่มีการเริ่มลงทะเบียนอย่างเป็นทางการมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานะครับ ซึ่งมีการส่งข้อความกันในสื่อออนไลน์ไม่น้อย และหลาย ๆ ข้อมูลที่ส่งกันไม่ได้ถูกต้องนัก ผมขอสรุปโดยสังเขปดังนี้

หมายเลขที่ใช้ในการลงทะเบียนมี 2 ชนิด คือ

1.หมายเลขประจำตัวประชาชน
2.เบอร์โทรศัพท์มือถือ (สามารถใช้เบอร์มือถือได้ถึง 3 เบอร์)

การผูกบัญชีธนาคาร (บัญชีออมทรัพย์ บัญชีอีมันนี่ หรือบัญชีต่าง ๆ) จะต้องเลือกว่าเราจะเอาบัญชีไหน ผูกกับหมายเลขอะไร ถ้าเรามีบัญชีธนาคารอยู่ 1 บัญชี เราจะผูกบัญชีนี้กับหมายเลขประจำตัวประชาชน และผูกไว้กับเบอร์มือถือได้ ถ้าเรามีบัญชีมากกว่าจำนวนหมายเลขที่จะผูกได้ (หมายเลขที่จะผูกได้ คือ หมายเลขประจำตัวประชาชน + จำนวนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่มี (ถ้ามีมือถือ 2 เครื่อง ->หมายเลขที่จะผูกได้ = 1+2 = 3) เราจะต้องเลือกบัญชีธนาคารไม่เกิน 3 บัญชีเพื่อผูก

ผูกแล้วเปลี่ยนได้ โดยเราต้องแจ้งยกเลิการผู้บัญชีกับธนาคารที่เราดำเนินการผูกบัญชีไว้เพื่อป้องกันการปลอมตัวตนในการใช้บัญชีของเรา ซึ่งเมื่อเราแจ้งให้ธนาคารทราบและดำเนินการแล้ว เราสามารถไปแจ้งกับธนาคารที่เราต้องการผูกบัญชีด้วยต่อไปได้

ข้อมูลเราโดนขโมยได้มั้ย หรือถ้าโทรศัพท์เราหายเงินเราจะหายหรือเปล่า ข้อมูลต่าง ๆ ของเราทางธนาคารจะรักษาข้อมูลเป็นความลับและไม่ได้ให้กับบุคคลอื่น ๆ รวมถึงหน่วยงานราชการใด ๆ นอกจากนี้การใช้บริการทางการเงินของลูกค้ายังเป็นการดำเนินการผ่านช่องทางเดิมที่มี เช่น Internet Banking หรือ Mobile Banking ซึ่งผู้ใช้บริการยังจะต้องใส่ข้อมูลก่อนการดำเนินการ อาทิ Username Password และการใส่รหัสที่มีระยะเวลากำหนด One Time Password อยู่เช่นเดิม

เครื่องมือหลายเครื่องมือเกิดขึ้นใหม่ในช่วงที่ผ่านมา และมักจะทำให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ ที่มีราคาต้นทุนที่ต่ำลง แต่การใช้เครื่องมือที่เกิดใหม่นั้นมีความจำเป็นต้องเลือกใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อให้เกิดผลที่ได้ตามที่ตั้งใจ และเราก็จะอยู่รอดในการดำเนินธุรกิจของเราในเวทีที่คนอื่น ๆ ก็มีเครื่องมือใหม่ ๆ เช่นกัน