ยุ่งแล้ว..คนมะกันไม่น้อย เริ่มเชื่อว่าทรัมป์จะนั่งทำเนียบขาว
อย่าทำเป็นเล่นไป โพลล่าสุดบอกว่า
คะแนนของโดนัล ทรัมป์ กับ ฮิลลารี คลินตัน สูสีคู่คี่ หายใจรดต้นคอกันอย่างน่าหวาดเสียว
แปลว่าโอกาสที่ประธานาธิบดีคนต่อไป ของอเมริกาหลังวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า หรืออีก 8 เดือนจากนี้ไปอาจจะชื่อโดนัล ทรัมป์ พอ ๆ กับที่จะประธานาธิบดีหญิงคนแรกชื่อฮิลลารี คลินตัน
การหยั่งเสียงของ ABC/Washington Post ล่าสุดให้ทรัมป์นำฮิลลารี 46-44% ด้วยซ้ำไป
ทำให้คนอเมริกันที่ร้อง “ยี้” ทุกครั้งที่เห็นภาพของเศรษฐีปากร้าย พูดจาก้าวร้าว ไม่เคยมีประสบการณ์การเมือง เริ่มจะกริ่งเกรงว่าสิ่งที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เริ่มจะเห็นเค้าลางแห่งความน่ากลัวแล้ว
ส่วนคนที่เชียร์ทรัมป์เพราะเห็นว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ปากตรงกับใจ และสะท้อนถึงความรู้สึกของชนชั้นกลางได้ดีกว่าฮิลลารี ก็เริ่มจะมีความมั่นใจว่าคราวนี้การเมืองสหรัฐ จะถึงคราวเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างแท้จริงเสียที
ที่น่าสนใจมากอีกประเด็นหนึ่งคือคนที่ตอบคำถามเกินครึ่งมีความ “ไม่ชอบ” ทั้งสองคนพอ ๆ กัน
แต่นี่เป็นแค่เดือนพ.ค. วันเลือกตั้งจริงคือ 8 พ.ย. ยังมีเวลาอีก 6 เดือน อะไร ๆ ก็ยังเปลี่ยนได้
นักวิเคราะห์บางคนย้อนดูประวัติศาสตร์ การประเมินคะแนนของผู้แข่งขัน ตำแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่าน ๆ แล้วบอกว่าโพลต่าง ๆ ที่ทำในช่วงนี้มักจะมีโอกาสผิดพลาดได้อย่างมาก จึงยังไม่ควรจะปักใจเชื่อการพยากรณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ต้องรอให้ถึงเดือนก.ย. และต.ค.เสียก่อน อะไร ๆ ก็จะชัดเจนขึ้น
แต่นักวิเคราะห์อีกซีกหนึ่งบอกว่า การที่ทรัมป์สามารถตีตื้นจนแซงฮิลลารีได้อย่างเฉียดฉิวเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตะลึงมาก เพราะแม้เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โพลทุกสำนักยังให้ทรัมป์ตามหลังฮิลลารีถึง 11%
เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เป็นชัดแจ้ง ว่าทรัมป์จะเป็นตัวแทนของพรรครีพับบลิกัน และฮิลลารีจะชนะการแข่งขันภายในพรรคเดโมแครตแล้ว คนอเมริกันก็เริ่มจะเปรียบเทียบสองคนนี้อย่างละเอียดรอบด้าน และคะแนนของทรัมป์ก็กระเตื้องขึ้นตลอดเวลา ขณะที่ความนิยมชมชอบต่อฮิลลารีไม่ขยับขึ้นเลย
อีกโพลหนึ่งที่ทำโดย NBC/Wall Street Journal ให้คลินตันนำทรัมป์ 46-43%
ค่ายของฮิลลารีต้องตกใจกับแนวโน้มนี้พอสมควร เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์โพลเกือบทุกแห่ง ยังให้เธอนำทรัมป์ 50-39% ด้วยซ้ำไป
ผู้คนงุนงงไม่น้อยว่าทำไมคนอย่างทรัมป์จึงกลายเป็น “ขวัญใจ” ชาวบ้านอเมริกันได้ทั้ง ๆ ที่ถูกวิพากษ์อย่างหนักหน่วง เพราะนโยบายต่อต้านคนมุสลิม ประกาศจะสร้างกำแพงยักษ์เพื่อกันไม่ให้คนเม็กซิโกเข้าสหรัฐ เหยียดผู้หญิง พูดจาสับสน ไม่มีความรู้รอบตัวเรื่องต่างประเทศ และเศรษฐกิจเพียงพอและไม่อาจจะนำเสนอทางออกของประเทศ ทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจอะไรได้ชัดเจนนัก
เช้าพูดอย่าง บ่ายพูดอีกอย่าง
มองจากประเทศไทย หากทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ก็จะต้องมีระดับความไม่แน่นอนสูงมาก เพราะฟังนโยบายของเขาต่อเอเชียแล้วก็ยังงงๆ อยู่ เพราะยังไง ๆ เขาก็จะต้องเอาใจคนมะกันที่สนับสนุนเขา ด้วยการมองเรื่องภายในประเทศเป็นหลัก
ทุกอย่างจะต้อง “อเมริกาต้องมาก่อน” หรือ America First ซึ่งสะท้อนถึงความคับแคบของนโยบายของทรัมป์ต่อประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้
ความตึงเครียดจะระบาดกว้างไกลในเวทีสากล เพราะวาทะร้อนแรงของทรัมป์จะสร้างศัตรูมากขึ้น อีกทั้งหากเขาทำตามที่หาเสียงคือจะเผชิญหน้ากับจีน กดดันญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ให้ควักกระเป๋าจ่ายสหรัฐมากขึ้น เพื่อแลกกับการที่สหรัฐคงฐานทัพไว้ในสองประเทศ อีกทั้งความสัมพันธ์กับคนมุสลิม ในหลายประเทศก็จะตึงเครียดขึ้น หากเขายังเดินหน้าห้ามเข้าประเทศก่อนจะตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดลออทุกฝีก้าว
คนทั้งโลกจะนอนหลับไหม ถ้าคนอารมณ์เกรี้ยวกราดอย่างทรัมป์นั่งทำเนียบขาว และมีสิทธิจะใช้นิ้วกดปุ่มระเบิดนิวเคลียร์ยามค่ำคืนโดยไม่ต้องปรึกษาหารือกับใคร?
เลือกตั้งมะกันครั้งนี้สร้างความหวั่นไหวไปทั่วปฐพีจริง ๆ