'ธัมมชโย' กับศรัทธาอันขาวสะอาด

'ธัมมชโย' กับศรัทธาอันขาวสะอาด

ในฐานะพุทธศาสนิกชน เชื่อว่า ไม่มีใครอยากเห็น

ภาพของพระสงฆ์องค์เจ้า โดยเฉพาะพระสงฆ์ผู้ใหญ่ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี และต้องเข้าไปสู้คดีในศาล ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม เพราะเป็นภาพไม่น่าเลื่อมใสศรัทธา ทั้งต่อตัวผู้ต้องคดี และพุทธศาสนานั่นเอง

แต่จะห้ามได้อย่างไร ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ประการแรก อยู่ที่ตัวพระสงฆ์ ต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางโลกเอาไว้เป็นดีที่สุด

ประการที่สอง อยู่ที่ญาติโยม ศิษยานุศิษย์ ต้องแยกแยะให้ออกว่าอะไรควรศรัทธา อะไรไม่ควรศรัทธา วัตถุ หรือ “ธรรมะ” ของพระพุทธเจ้า เพื่อสร้างกรอบทางสังคม เป็นวัฒนธรรมให้กับพระสงฆ์เดินตาม

มาถึง กรณี พระธัมมชโย เจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ทั้งก่อนและหลังถูกศาลอาญาอนุมัติหมายจับให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา สมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เจ้าของสำนวนคดี กรณีรับเช็คบริจาคจาก ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ที่่ถูกดำเนินคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ก็เป็นที่รับรู้กันว่า “คดีมีมูล” จากผลการสืบสวนสอบสวนของ “ดีเอสไอ”

เพียงแต่ยังไม่มีคำตัดสินของศาลว่ามีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งก็คงต้องสู้กันจนถึงที่สุด คือ ถึงศาลฎีกา และอาจใช้เวลาไม่น้อยในการพิสูจน์ความจริงในศาล

ประเด็นของ “ดีเอสไอ” ไม่มีอะไรมากไปกว่า ต้องการให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ เพื่อสู้คดีในศาล

หลังจากล่วงเลยช่วงเวลาของหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ถึง 3 ครั้ง ที่ทางพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย ขอเลื่อน โดยอ้างตั้งแต่ติดภารกิจจัดงานวันเกิด มีอาการอาพาธหนักถึงสองครั้ง แต่ดีเอสไอ มีพยานหลักฐานโต้แย้งว่าไม่ได้หนักถึงขั้นเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาไม่ได้?

แต่ด้านหนึ่ง นอกจากศิษยานุศิษย์ จะช่วยกันปกป้อง เช่น เป็นหมอก็พยายามจะช่วยเรื่องใบรับรองแพทย์ เวชระเบียน มายืนยัน อยู่ต่างจังหวัด ต่างประเทศ ก็เคลื่อนไหวจนเป็นกระแสเดียวกัน ว่าพระธัมมชโย ไม่ได้รับความเป็นธรรมด้วยข้ออ้างมากมาย รวมทั้งยื่นเรื่องต่อ “ป.ป.ช.” เอาผิดกับ “ดีเอสไอ”

ล่าสุดได้เปิดเผยภาพวีทีอาร์ พระธัมมชโย ขณะทำการรักษา พร้อมเปิดผ้าห่มโชว์แผลที่บริเวณขา โดยพระธัมมชโย ยังเชิญเจ้าหน้าที่ “ดีเอสไอ” มาพบตนที่วัดด้วย

ประเด็น ก็อย่าง ขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักงานการสอบสวน ซึ่งเป็นคณะทำงานร่วมกับ “ดีเอสไอ” ในการสอบสวนคดีพระธัมมชโย กล่าวว่า เราอยากให้การดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมาย

ส่วนที่กล่าวหาว่าดำเนินการเฉพาะกับพระธัมมชโยนั้น ไม่เป็นความจริง ขณะนี้การสอบสวนก็ดำเนินอยู่ โดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นอีกกว่า 10 คดี ซึ่งทางสอบสวนพบว่ามีการนำเงินกระจายทั้งกลุ่มที่เป็นพระลูกศิษย์ และอีกหลายกลุ่ม

“เข้าใจความรู้สึกของคนที่ศรัทธา แต่เราไม่ได้กระทำโดยพลการ ทุกอย่างเป็นไปตามมติคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย ดีเอสไอ อัยการ และที่ปรึกษาดีเอสไอที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ การที่มีคนนำเรื่องนี้ไปร้อง ป.ป.ช.ว่าเราดำเนินการโดยมิชอบ ดำเนินการซ้ำซ้อน จากที่เคยมีการสั่งไม่ฟ้องพระธัมมชโยไปแล้วนั้น ความจริงคือ ยังไม่เคยมีการสั่งคดีจากทางอัยการแต่อย่างใด”

“ขจรศักดิ์” ชี้ให้เห็นอีกว่า ขณะนี้ทยอยเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง เข้ามาสอบปากคำเรื่อยๆ เฉพาะชุดของพระธัมมชโย มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วอีก 2 คน ซึ่งคาดว่ายังจะมีอีก 4- 5 คน

ความหมาย ก็อาจขึ้นอยู่กับสำนวนคดีของใครเสร็จสมบูรณ์ก่อนก็เรียกก่อน

ที่สำคัญ อย่าลืมว่าคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก นั่นคือประชาชนที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ และต้องไม่ลืมด้วยว่า คดีนี้เป็นคดีอาญา ที่แม้ว่าจะมีการคืนเงิน หรือ เยียวยาไปแล้ว อย่างที่มีการกล่าวอ้าง แต่ก็ไม่ถือว่ายอมความกันได้

มีทางเดียวเพื่อศรัทธาอันขาวสะอาดหรือ ใช้กระบวนการยุติธรรมในการฟอกความบริสุทธิ์ให้ผุดผ่อง ศิษยานุศิษย์จะได้เลื่อมใสศรัทธาโดยปราศจากข้อกังขา คือการยอมเข้าสู่ขบวนยุติธรรมแต่โดยดี กับการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ต้น ซึ่งทำไม่ได้แล้ว

นอกนั้น ยิ่งทำให้เรื่องบานปลาย ก็ยิ่งจะทำให้ผิดกฎหมายมากขึ้น ไม่เชื่อคอยดู