บราซิลเป็นข้อยืนยัน คอร์รัปชันชั้นสูงคือสาเหตุแห่งหายนะ

บราซิลเป็นข้อยืนยัน คอร์รัปชันชั้นสูงคือสาเหตุแห่งหายนะ

บราซิลเคยเป็นประเทศยิ่งใหญ่

 เศรษฐกิจเฟื่องฟูเป็นอันดับ 6 ของโลก แต่วันนี้กำลังซบเซาและเสื่อมทรุดอย่างน่าเป็นห่วง

เหตุสำคัญคือคอร์รัปชันในระดับการเมืองสูงสุดของประเทศ

สภาล่างของบราซิลมีมติให้ริเริ่มกระบวนการ สอบสวนเพื่อถอดถอน ประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟฟ์ ข้อหาคอร์รัปชันอย่างร้ายแรง

สภาสูงจะเดินหน้าดำเนินการต่อ และหากเสียงส่วนใหญ่เห็นพ้อง ก็จะต้องให้ผู้นำประเทศหยุดทำหน้าที่ ระหว่างการสอบสวนอันอื้อฉาวนี้

ก่อนหน้านี้ ตำรวจบุกค้นบ้านพักและสำนักงานของอดีตประธานาธิบดี 2 สมัยลูอิซ อินาซีโอ ลูลา ดาซิลวา พร้อมควบคุมตัวไปสอบปากคำฐานพัวพันขบวนการคอร์รัปชันมโหฬาร ที่โยงไปถึงบริษัทน้ำมันยักษ์ของรัฐที่ชื่อเปโตรบาส

การสอบสวนการให้สินบนอย่างใหญ่โต เป้าใหญ่คือรัฐบาลพรรคแรงงานฝ่ายซ้ายปัจจุบัน ที่มีประธานาธิบดีรุสเซฟฟ์เป็นแกนนำ ซึ่งเป็นทายาททางการเมืองของอดีตผู้นำ “ลูลา” ด้วย

ลูลาเป็นอดีตผู้นำที่ใช้นโยบายประชานิยมบริหาร เป็นขวัญใจคนยากคนจน ใช้วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ดันให้เศรษฐกิจมีอัตราเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เบื้องหลังความนิยมชมชอบของชาวบ้านนั้น คือกิจกรรมที่กำลังถูกสอบสวนว่าเป็นความฉ้อฉลระดับมหากาฬ

เมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจมาจากความแปลกปลอม ประชานิยมที่ซ่อนอยู่ในการโกงกินเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มที่มีอำนาจ และทำทุกอย่างเพื่อสืบทอดอำนาจของพวกตนอย่างไร้ยางอาย ความเสียหายต่อประเทศชาติก็จะต้องปรากฏออกมาให้เห็นไม่ช้าก็เร็ว

เป็นบทเรียนอันเจ็บปวดยิ่งสำหรับทุกประเทศ ที่ไม่พัฒนาด้วยนโยบายยั่งยืนบนพื้นฐานของ “ของจริง” เท่านั้น

วันนี้ ความปวดร้าวนั้นปรากฏให้เห็นชัดแล้ว

อัตราโตทางเศรษฐกิจของบราซิลปีที่ผ่านมา หดตัวลงถึง 3.8% ซึ่งเท่ากับเป็นการร่วงหล่นหนักหน่วงที่สุดตั้งแต่ปี 1990 หรือย่ำแย่ที่สุดใน 26 ปี

ถึงวันนี้นับว่าบราซิลตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือ recession ต่อเนื่องกันยาวนานที่สุดในหลายสิบปีทีเดียว

เกิดมาก็ยังไม่เคยเจอกับสภาพเศรษฐกิจตกต่ำขนาดนี้... คือความเห็นของคนรุ่นกลาง ๆ ของประเทศอเมริกาใต้แห่งนี้

บราซิลเป็นกรณีศึกษาที่เหลือเชื่อ เพราะเมื่อห้าปีก่อนนี้เอง ยังเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 6 ของโลก แซงหน้าสหราชอาณาจักรด้วยซ้ำไป

บราซิลเคยเฟื่องฟูเพราะมีแหล่งน้ำมันมากมายที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอย่างคึกคัก

จีนโหนกระแสเศรษฐกิจของบราซิลด้วยการกระโดดเข้ามาทำมาค้าขายจนกลายเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุด

และตอนที่โลกส่วนใหญ่เผชิญกับวิกฤตการเมืองเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา บราซิลก็ผ่านไปได้อย่างไม่มีร่องรอยของบาดแผลร้ายแรงอะไร เพราะพื้นฐานเดิมเหนียวแน่นพอสมควร

แต่วันนี้บราซิลกลายเป็นคนป่วยรายใหม่ เพราะคนว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความมั่นใจผู้บริโภคหล่นหาย

อัตราเงินเฟ้อสูงสุดใน 13 ปี

เงินสกุลเรียวอ่อนตัวไป 24% ต่อดอลลาร์ในหนึ่งปีที่ผ่านมา

พอมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับคอร์รัปชันใน Petrobas ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ของรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และเศรษฐกิจพังพาบลงต่อหน้าต่อตา

หากการสอบสวนยืนยันความชั่วร้ายของการเมืองระดับสูง ที่ส่งผ่านจากหัวหน้าของกลุ่มเดียวกัน มาสู่ผู้นำที่รับช่วงต่อมา ก็จะกลายเป็นตำนานที่ต้องเล่าขาน เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับคนทั้งโลก รวมถึงคนไทยทั้งหลายทั้งปวงด้วย