มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก : สูงสุดคือความเป็นสามัญ

มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก : สูงสุดคือความเป็นสามัญ

มีคนเอารูปนี้ขึ้น Facebook เมื่อเร็ว ๆ นี้

และบอกว่าเป็นภาพของมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก เจ้าของ Facebook และภรรยาขณะเดินเล่นที่ถนนข้าวสาร ระหว่างแอบมาเที่ยวกรุงเทพฯเงียบ ๆ เมื่อหลายปีก่อน

เป็นลีลาของอภิมหาเศรษฐีระดับต้น ๆ ของโลกที่ดูง่ายแสนง่าย และไม่มีฟอร์มของผู้ร่ำรวยมหาศาล อีกทั้งยังมีอิทธิพลเหลือหลายในแวดวง social media ที่หาตัวจับยาก

มาร์คเคยบอกว่าเขาใส่เสื้อยืดสีเทา ๆ อย่างนี้เกือบทุกวันทั้ง ๆ ที่เป็นมหาเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งส่วนตัวอย่างน้อย 2 ล้านล้านบาท

เหตุผลคือ ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลือกว่าจะใส่เสื้ออะไรทุกวัน เอาเวลามาคิดเรื่องงานการดีกว่า

นิตยสาร Business Insider เคยบอกว่ามาร์คไม่มีจอทีวีที่บ้าน

นักร้องคนโปรดของเขาคือ Lady Gaga กับ Daft Punk

หนังสือที่ชอบที่สุดเล่มหนึ่งคือ Ender's Game

รถที่ใช้คือ Acura TSX สีดำ เพราะ “ปลอดภัย นั่งสบายและไม่โดดเด่นเรียกร้องความสนใจมากนัก”

เขาเป็นมังสวิรัติตั้งแต่ปี 2011 และเคยบอกว่า “ผมจะกินเนื้อถ้าผมเป็นคนฆ่ามันเอง

มาร์คมีสุนัขฮังกาเรียนชื่อ Beast ซึ่งใน Facebook มี “เพื่อน” 1.5 ล้านคน

ภรรยาของมาร์ค Priscilla Chan เป็นลูกสาวของผู้อพยพลี้ภัยจากเวียดนาม มีเชื้อสายจีน เธอเรียนหนังสือที่บอสตัน ก่อนจะพบกับมาร์คเมื่อปี 2003

เธอเป็นคนแรก ๆ ที่เข้าเล่น Facebook ตอนที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2004

เธอเคยให้สัมภาษณ์ New Yorker ว่าพบกับมาร์คครั้งแรกตอนที่ทั้งสองคนรอเข้าห้องน้ำในงานเลี้ยงของเพื่อนมาร์ค

เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ที่มหาวิทยาลัย University of California ที่ซานฟรานซิสโก

มาร์คเรียนภาษาจีนก่อนไปพบครอบครัวของแฟนสาวที่เมืองจีน

ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อปี 2012 ที่หลังบ้านของบ้านใหม่ที่เมือง Palo Alto ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน Facebook ด้วย

มาร์คมีสายเลือดบัลกาเรีย คุณปู่อพยพมาจากบัลกาเรียทางเรือ พ่อเป็นหมอฟัน แม่เป็นจิตแพทย์

ตอนเป็นนักเรียนมัธยม เขาก็ได้รับข้อเสนอให้ทำงานกับ AOL และ Microsoft แล้วเพราะเขาสร้างโปรแกรมชื่อ Synapse ซึ่งใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเก็บข้อมูลนิสัยการฟังดนตรีของผู้ใช้

มาร์คพูดเสมอว่า

ความเสี่ยงสูงสุดคือการไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์เดียวที่ล้มเหลวแน่ ๆ คือการไม่ยอมเสี่ยงอะไร...

ที่สร้างความฮือฮาอย่างมากคือ คำประกาศว่ามาร์คกับภรรยาประกาศจะบริจาค 99% ของหุ้นที่ถือใน Facebook ณ ราคาประเมินวันนี้ ซึ่งตกประมาณ 45,000 ล้านเหรียญหรือไม่น้อยกว่า 1.6 ล้านล้านบาท

ถือเป็นก้อนเงินบริจาคใหญ่ที่สุดก้อนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกทีเดียว

เงินก้อนนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการ Chan Zuckerberg Initiative ซึ่งจะให้การสนับสนุนการเงิน ให้แก่องค์กรไม่แสวงหากำไร และลงทุนในธุรกิจเอกชน อีกทั้งร่วมในการอภิปรายนโยบายสาธารณะเพื่อ “สร้างพลังทางบวกแก่สังคมเป็นส่วนรวม”

แม้เขาจะร่ำรวยมหาศาล มีอิทธิพลทางความคิดต่อคนทั้งโลกอย่างกว้างขวาง มาร์ค ซักเกอร์เบิร์กในวัย 32 วันนี้ก็ยังใช้ชีวิตอย่างสามัญชน เพราะหากเขาลืมตัว และวางฟอร์มเป็นมหาเศรษฐีที่ห่างไกลจากความเป็นจริงของโลก, ไม่ช้าไม่นานเขาก็อาจจะกลายเป็น ไดโนเสาร์ยุคดิจิทัล ได้

แต่การทำตัวให้ “ง่าย ๆ” สำหรับผู้ประสบความสำเร็จระดับนี้ไม่ใช่เรื่อง “ง่าย” เลย

เพราะคนที่คิดใหญ่คิดเป็นเท่านั้นที่จะทำตัวเป็นสามัญชนได้