นโยบายต่างประเทศของโดนัล ทรัมป์ มีข้อเดียวคือ America First
ผมพยายามจะเสาะหาจุดยืนของ โดนัล ทรัมป์
ซึ่งทำท่าว่าจะเป็นตัวแทนพรรครีพับบลิกัน ในการชิงเก้าอี้ทำเนียบขาว ว่าเขามีนโยบายต่อเอเชียและอาเซียนอย่างไร เพื่อจะได้ประเมินถูกว่าคนไทยควรจะเข้าใจวิธีคิดของเขาอย่างไร
ผลการสืบเสาะถึงวันนี้ยังไม่เห็นอะไรชัดเจน
เขาให้สัมภาษณ์ New York Times ว่าด้วยนโยบายต่างประเทศยาวเหยียดวันก่อน (ทางโทรศัพท์) ก็จับความได้เพียงนโยบายต่างประเทศของทรัมป์สรุปได้คำเดียวว่า
America First
อเมริกาต้องมาก่อน
และถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดี พันธมิตรทั้งหลายจะต้องควักกระเป๋า จ่ายค่าปกป้องดูแลทางด้านความมั่นคงของตัวเอง สหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีชื่อโดนัล ทรัมป์จะตัดงบประมาณสำหรับดูแลความมั่นคงของโลก
ที่เขาสะท้อนแนวทางเกี่ยวกับเอเชียมากที่สุดก็คือคำถามของนิวยอร์คไทมส์ว่า
“คุณจะสั่งถอนทหารอเมริกัน ออกจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้หรือไม่ ถ้าสองประเทศนี้ไม่เพิ่มงบประมาณของตัวเอง เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายของทหารเหล่านั้น?”
โดนัล ทรัมป์ตอบฉับพลันว่า “ใช่ ผมจะทำอย่างนั้น (ถอนทหาร) แม้ว่าผมจะต้องทำอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ผมพร้อมจะทำ เราไม่สามารถจะเสียเงินเสียทองเป็นพันๆ ล้านเหรียญในสิ่งเหล่านี้ และผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาก็จะเพิ่มเดิมพันในการต่อรองกับเรา แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอมควักกระเป๋ามากขึ้น ผมก็จะต้องทำอย่างนั้น (ถอนทหาร)”
ในกรณีของพันธมิตรอย่างซาอุดีอาระเบียก็เหมือนกัน ทรัมป์ บอกว่าถ้าเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เขาก็จะหยุดซื้อน้ำมันจากซาอุฯ และประเทศอาหรับที่เป็นพันธมิตรอื่น ๆ “ยกเว้นเสียแต่ว่าพวกเขายอมส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปสู้รบกับกลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State) หรือชดเชยเงินทองอย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับสหรัฐ ที่ต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรงที่คุกคามความมั่นคงของพวกเขา”
พูดง่าย ๆ คือโดนัล ทรัมป์ต้องการจะให้พันธมิตรทั้งหลายจ่ายเงินมากกว่าเดิม เพราะถ้าเขานั่งทำเนียบขาว เขาจะเลิกใช้งบประมาณทางทหารให้กับประเทศต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว
ทรัมป์บอกด้วยว่าเขาจะทบทวนสนธิสัญญากับพันธมิตรทั้งหลาย ซึ่งอาจจะรวมถึงข้อตกลงทางความมั่นคงกับญี่ปุ่นที่มีมายาวนานถึง 56 ปี เพราะเขาอ้างว่าเนื้อหาสาระของสนธิสัญญาฉบับนี้ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐ
ในสายตาของเขา บทบาทของสหรัฐในเวทีโลกอ่อนแอลงไปมาก (“ผมไม่ใช่คนสนับสนุนให้อเมริกาโดดเดี่ยวจากโลก แต่ผมยึดนโยบาย America First เพราะเราจะไม่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบเราทางด้านการเงินอีกต่อไป”) และการที่จะฟื้นคืนสถานภาพให้เป็นอันดับหนึ่งของโลกก็คือการต่อรองทางเศรษฐกิจ
แต่พอเจาะถามถึงรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร เศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ปากร้ายคนนี้ตอบไม่ค่อยได้
เช่นเมื่อถามว่าเขาจะทำอย่างไรกับการที่จีนมีความกร้าวมากขึ้นในทะเลจีนใต้ โดนัล ทรัมป์ตอบว่า
“เรามีพลังเศรษฐกิจมาก และคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจข้อนี้ แต่เรามีพลังทางเศรษฐกิจเหนือจีนมาก นั่นคือพลังทางการค้า เพราะเขา (จีน) ใช้เราเป็นธนาคาร พวกเขาใช้เรา แต่ไม่ยอมจ่ายเรา เราเป็นยิ่งกว่าธนาคาร เพราะพวกเขาเอาเงินออกไป แต่ไม่ต้องจ่ายคืนให้เรา...”
ไปไหนมา สามวาสองศอกทำนองนั้น
ที่พิลึกอย่างยิ่งคือที่ทรัมป์ยืนยันว่า จุดเด่นที่สุดของนโยบายต่างประเทศของเขา คือการที่เขาจะไม่พูดอะไรอยู่กับร่องกับรอย “เพราะผมต้องมีคุณสมบัติที่คนอื่นคาดการณ์ล่วงหน้าว่าผมคิดอะไรหรือจะทำอะไรไม่ได้”
ทรัมป์ถือว่า “unpredictability” เป็นหลักการใหญ่ของนโยบายต่างประเทศของเขา
พูดภาษาชาวบ้านคือ “อย่าให้ใครเดาทางถูก”
ปัญหาอยู่ที่ว่าที่ว่าอย่าให้ใครเดาได้ว่าจะทำอะไรนั้น ความจริงคือไม่รู้จะทำอะไรใช่หรือไม่?
ดังนั้น ถึงวันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าเขามองเอเชีย อาเซียนหรือไทยอย่างไรจนกว่าเขาจะทำการบ้านลงในรายละเอียด หรือจะมีทีมงานที่เข้าใจเรื่องราวของประเทศแถบนี้อย่างเป็นรูปธรรมขึ้น
อันตรายของนักธุรกิจที่กระโดดเข้ามาเล่นการเมืองลักษณะนี้ คือเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาคิดอย่างไรจริง ๆ
และดูเหมือนคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยทางฝั่งรีพับบลิกันจะชอบเขาเพราะประโยค “อเมริกาต้องมาก่อนอะไรทั้งสิ้น” ของทรัมป์ไปกระตุก “ต่อมชาตินิยม” ลึก ๆ ของชาวบ้านมะกันไม่น้อยทีเดียว
ทั้งโลกกำลังงง ๆ กับ “ผู้นำที่คาดการณ์อะไรไม่ได้” ผู้นี้จริง ๆ