ทำไมจึงต้องอ่านหนังสือคลาสสิก?

ทำไมจึงต้องอ่านหนังสือคลาสสิก?

อิตาโล คาลวิโน นักเขียนนวนิยาย นักวิจารณ์ ชาวอิตาลี เคยเขียนบทความขนาดยาวชื่อเรื่องนี้ที่มีชื่อเสียง

 ที่พอจะสรุปเนื้อหาสำคัญได้คือ

1) หนังสือคลาสสิก คือหนังสือประเภทที่คุณจะได้ยินคนพูดว่า ฉันกำลังจะกลับไปอ่านหนังสือเรื่อง..มากกว่าที่จะพูดว่า ฉันกำลังอ่านหนังสือเรื่อง...

การได้อ่านหนังสือที่ยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในตอนที่เราเป็นผู้ใหญ่นั้น สร้างความพึงพอใจให้กับเราได้อย่างพิเศษมาก ต่างจากการอ่านเมื่อตอนที่เรายังอยู่ในวัยเยาว์ เยาวชนจะอ่านหนังสือและตีความประสบการณ์ของเขาโดยเลือกชอบและเลือกประเด็นสำคัญในแง่ใดแง่หนึ่ง คนที่เป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะแล้ว จะชื่นชมถึงรายละเอียด การลงลึก และความหมายที่มากกว่า

2) คือหนังสือที่ให้ประสบการณ์ที่มีคุณค่าแก่คนที่ได้อ่านและรัก และให้ประสบการณ์ที่มั่งคั่งสำหรับคนที่จะอ่านเมื่อเขาพร้อมที่จะอ่าน

การอ่านในวัยเยาว์เป็นการปูพื้นฐานที่จะกำหนดรูปแบบประสบการณ์ของเยาวชน ช่วยให้พวกเขามีแบบจำลอง มีวิธีที่จะจัดการกับประสบการณ์ รู้จักเปรียบเทียบ แยกแยะ ประเมินคุณค่า เข้าใจกรอบแม่บทของความงาม สิ่งทั้งหลายทั้งปวงซึ่งจะยังคงอยู่ภายในตัวเรา แม้ว่าเราจะจดจำหนังสือคลาสสิกเล่มที่เราเคยอ่านสมัยวัยเยาว์ได้น้อย หรือจำไม่ได้เลยก็ตาม

เมื่อเรากลับมาอ่านหนังสือเล่มนั้นใหม่ ในตอนที่เราเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะมากขึ้น เราถึงได้ค้นพบใหม่ธาตุแท้ทั้งหลายซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งภายในตัวตนของเรา แม้ว่าจะลืมไปแล้วว่าเราได้มันมาจากไหน หนังสือชั้นเยี่ยมนั้นมีศักยภาพเฉพาะ ที่เราอาจจะลืมตัวเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นไปแล้วก็ได้ แต่หนังสือนั้นยังคงทั้งเมล็ดพันธุ์ไว้ในตัวเรา

3) คือหนังสือที่สามารถจะมีอิทธิพลทั้งในเวลาที่มันประทับเข้าไปในจินตนาการของเรา จนเป็นสิ่งที่เราจำได้อย่างไม่มีวันลืม และในเวลาที่มันซึมซับซ่อนอยู่ในชั้นต่างๆ แห่งความทรงจำของเรา กลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตไร้สำนึกของปัจเจกชน หรือจิตไร้สำนึกของส่วนรวม

4) คือหนังสือที่การกลับไปอ่านใหม่ ทำให้เรารู้สึกว่าได้ค้นพบอะไรใหม่ทุกครั้ง พอๆ กับตอนที่ได้อ่านครั้งแรก

5) คือหนังสือที่เมื่อเราอ่านเป็นครั้งแรก ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังได้กลับไปค้นพบใหม่ บางสิ่งบางอย่างที่เราเคยอ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว

6) คือหนังสือที่ไม่มีทางที่จะหมดพลังที่จะบอกเรื่องราวที่หลากหลายมากมายให้กับผู้อ่าน

7) คือหนังสือที่ทำให้เราได้ตระหนักถึงบรรยากาศของการตีความต่างๆ ในอดีต และติดตามร่องรอยที่หนังสือเหล่านั้นทิ้งไว้ในวัฒนธรรมหนึ่งหรือหลายวัฒนธรรม ในเส้นทางที่หนังสือเหล่านั้นเดินทางผ่านไป

8) คืองานเขียนซึ่งก่อให้เกิดฝุ่นหมอกแห่งวาทกรรมการวิพากษ์วิจารณ์รอบตัวได้อยู่ตลอด แต่ผู้อ่านสามารถสลัดฝุ่นผงออกจากแก่นแท้ของมันได้เสมอ

หนังสือคลาสสิกไม่จำเป็นต้องสอนอะไรใหม่ไปจากที่เราเคยรู้มาแล้ว บางครั้งเราพบว่า มีบางสิ่งที่เรารู้มาก่อนแล้ว (หรือเคยคิดเสมอว่าเรารู้) แต่เราไม่ได้ตระหนักว่าหนังสือคลาสสิกเล่มนั้น เป็นคนที่กล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อน

9) คือหนังสือที่ยิ่งเราคิดว่าเรารู้จักมันจากคำบอกเล่าของคนอื่นๆ มากเท่าไหร่ แต่เมื่อเราได้อ่านจริงๆ หนังสือเล่มนี้ยิ่งมีความริเริ่มเป็นตัวของตัวเอง มีสิ่งที่ไม่คาดฝัน และสร้างสรรค์มากขึ้นเท่านั้น

ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเขาเกิดความสัมพันธ์ส่วนตัวกับหนังสือเล่มนั้น ถ้าหากว่าไม่มีประกายไฟของความสัมพันธ์เกิดขึ้น การอ่านหนังสือเล่มนั้นก็ไร้จุดมุ่งหมาย ไม่มีประโยชน์อะไรที่ใครจะอ่านหนังสือคลาสสิกเพียงเพราะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่นี่จะต้องอ่าน หรืออ่านเพื่อทำให้คนอื่นประทับใจหรือนับถือเรา เราควรจะอ่านด้วยความรักที่จะอ่านเท่านั้น

10) คือคำที่เราใช้สำหรับหนังสือที่เป็นจักรวาลสำหรับหนังสือทั้งหลาย ซึ่งอาจเทียบได้กับวัตถุโบราณสำคัญที่คนบางคนนับถือกัน

ความเป็นหนังสือทั้งหมด (Total Book) เป็นมากกว่าหนังสือหรืองานศิลปะชิ้นหนึ่ง มันแฝงไว้ด้วยชีวิตและจักรวาลด้วย หนังสือคลาสสิกสร้างความสัมพันธ์กับผู้อ่านที่ทรงพลังได้ในหลายทาง ไม่เฉพาะการที่ผู้อ่านจะเลียนแบบพฤติกรรมด้วยความชื่นชมดังตัวอย่างที่ได้ยกมาแล้ว แต่บางเล่มสามารถที่จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกคัดค้านหรือคิดตรงกันข้ามได้ด้วยเช่นกัน

11) หนังสือคลาสสิกที่คุณเลือกอ่านเอง คือหนังสือเล่มที่คุณไม่อาจวางเฉย ไม่สนใจได้ หนังสือเล่มนั้นเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ของคุณกับมันในทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าในทางที่คุณจะชอบแบบผูกพัน หรือแม้แต่การชอบแบบเพื่อจะได้โต้แย้งก็ตาม

สิ่งที่แยกหนังสือคลาสสิกออกจากหนังสืออื่น คือ การที่เราได้ยินเสียงก้องกังวานพวยพุ่งมาจากหนังสือเล่มนั้นๆ หรือไม่ มันเป็นหนังสือที่มีที่ยืนอยู่ในวัฒนธรรมที่มีชีวิตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันหรือไม่

12) คืองานประพันธ์ที่อยู่ในขบวนแถวหนังสือคลาสสิกเล่มอื่นๆ คนที่ได้อ่านหนังสือคลาสสิกเล่มอื่นๆ มาก่อน จะรู้ได้ทันทีว่าหนังสือเล่มที่เขากำลังอ่านนั้นควรนับอยู่ในวงศาคณาญาติของวรรณกรรมคลาสสิกหรือไม่

13) คือบทประพันธ์ที่สามารถลดระดับเสียงของโลกยุคปัจจุบันให้เป็นเพียงเสียงประกอบฉากเบาๆ โดยที่การอ่านหนังสือคลาสสิกของเรานั้น จำเป็นต้องมองอย่างเชื่อมโยงกับโลกปัจจุบันด้วย

หนังสือคลาสสิกช่วยให้เราเข้าใจว่าเราคือใคร เรามาถึงจุดไหน (ในชีวิตและสังคม)

(อ่านเพิ่มเติม วิทยากร เชียงกูล ทำไมจึงควรอ่านหนังสือคลาสสิก สนพ.แสงดาว 2559 www.saengdao.com)