เรื่องตลก..จนน้ำตาคลอเบ้า!

เรื่องตลก..จนน้ำตาคลอเบ้า!

วันนี้มีเรื่องตลก แต่เป็นเรื่องเศร้าของบรรดาเหล่าผู้บริหารระดับสูงมาเม้าท์ให้ฟังครับ!

เรื่องตลกปนเศร้าเรื่องที่ 1.."ต้องการเพิ่มยอดขาย แต่ไม่สนใจปัญหาและไม่มีเวลาพัฒนาทีม!"

เป็นเรื่องปกติครับ ที่ผู้บริหารทุกที่ต่างก็ต้องการเพิ่มยอดขาย อันนี้ก็เข้าใจได้ แต่เรื่องตลกปนเศร้า เคล้าน้ำตาของทีมงานก็คือ ปัญหาเดิมๆ ที่ทีมงานเจอ เช่น สินค้าที่ขายดี กลับมีไม่พอขาย ส่วนสินค้าที่ขายไม่ดี เพราะเป็นสินค้าที่ไม่ตรงความต้องการของลูกค้า ไม่เหมาะกับตลาดเป้าหมาย ก็ยัดเยียดให้ขายอยู่นั่นแหละ!

หรือปัญหาคุณภาพสินค้า ปัญหาบริการหลังการขายที่ลูกค้าบ่นและร้องเรียนอยู่ทุกวัน กลับไม่ได้รับความสนใจ ไม่ได้รับการแก้ไข...สนใจแต่เพียงเรื่องเดียว "ต้องเพิ่มยอดขาย!"

ตลกไปกว่านั้น และเศร้าใจไปกว่านี้ก็คือ..ต้องการเพิ่มยอดขาย แต่ไม่ต้องการ ไม่สนใจ ไม่มีเวลาพัฒนาทีมขาย! ปล่อยให้ดิ้นรนกระเสือกกระสนใช้ทักษะเก่าๆ เท่าที่พอจะมีไปขาย ไปตายเอาดาบหน้า และส่วนมากก็ได้ตายสมใจนึกจริงๆ คือขายไม่ได้! เศร้ามั้ยล่ะ!?

เรื่องตลกปนเศร้าเรื่องที่ 2... "ฟัง..แต่เรื่องที่อยากได้ยิน ไม่ได้ยินเรื่องที่ควรฟัง!"

อันนี้แตกย่อยออกมาจากเรื่องที่1 ครับ แต่ที่ต้องแตกย่อยและตลกปนเศร้าก็คือ.. บรรดาผู้บริหารระดับสูง ส่วนมากจะ "มีความสุขในการฟังแต่เรื่องที่อยากได้ยิน" จากบรรดาผู้บริหารระดับรองๆ ลงมา บางส่วน บางคนที่เป็น "ผู้เชี่ยวชาญในการสรรหาแต่เรื่องดีๆ มารายงาน" (แต่ปิดบัง ซ่อนเร้นและอำพราง ข่าวร้าย เรื่องไม่ดี ปัญหาที่เกิดขึ้น!) เพื่อให้เป็นที่ถูกอกถูกใจกับผู้บริหารระดับสูง จะได้เป็นที่รัก และมีโอกาสเติบโตก้าวหน้าในอาชีพ โดยเฉพาะ คนสนิทของผู้บริหารระดับสูงนี่แหละตัวดีเลยล่ะ!

ถ้าผู้บริหารระดับสูง โชคดีและมีกึ๋นพอที่จะแยกแยะได้ว่า ใครคือคนสนิทที่มีกึ๋น หวังดีจริงๆ กับใครที่เป็นประเภท งานหลักคือ สอพลอ ขอแลบลิ้นแผล็บๆ เลียอยู่ได้ตลอดทั้งวัน! ก็รอดตัวไป แต่ถ้าแยกไม่ออก ถูกคนสนิทไม่มีกึ๋น กรอกหูแต่ข่าวดี ให้ร้ายคนที่ไม่ถูกชะตา ปัญหาไม่ให้รับรู้ เมื่อนั้นก็เป็นคราวเคราะห์ขององค์กรที่รอวันล่มสลายเลยครับ! ตลกจนน้ำตาไหลเลยมั้ยล่ะ!

เรื่องตลกปนเศร้าเรื่องที่ 3.."อยากให้คนเก่งที่มี อยู่กันนานๆ..แต่รู้สึกรำคาญและหงุดหงิดทันทีที่ใครพูดเรื่องผลตอบแทน!"

ผมเชื่อว่าทุกที่ต่างก็มีคนเก่ง แต่มีมากมีน้อยก็อีกเรื่อง และคนเก่งที่มี จะอยู่อีกนานแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน! แต่เรื่องที่ตลกก็คือ ต้องการให้คนเก่งที่มีอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่อยู่แล้วได้อะไร มีอนาคตหรือไม่ ไม่รู้! ก็เศร้าสิครับ! คนเก่งไม่โง่หรอกครับ

คนเก่งที่มีอยู่ อาจจะอยู่ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนของตัวเอง หรืออยู่ด้วยความผูกพันกับเพื่อนกับหน่วยงาน หรือด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ เมื่อถึงวันนึง ก็ต้องไปอยู่ดี แต่จะไปช้าหรือไปเร็วขึ้นอยู่กับหัวหน้าและผู้บริหารครับ!

ถ้าผู้บริหารเอาแต่ประโยชน์ แต่ไม่เคยเห็นคุณค่า ไม่เคยให้ในสิ่งที่ให้ได้และควรที่จะให้อย่างสมเหตุสมผล(ไม่มากไป ไม่น้อยไป) ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนเก่ง จะทนอยู่อีกต่อไป สุดท้ายก็จากไปก่อนถึงเวลาอันควรครับ เศร้ามั้ยล่ะ!

เรื่องตลกปนเศร้าทั้งสามเรื่องนี้...เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะนำมาซึ่งผลเสียอย่างมากกับองค์กร หน่วยงานและทีมงานทุกคนไปจนถึงลูกค้าที่ต้องได้รับผลจากเรื่องเหล่านี้

อันที่จริงมันเป็นเรื่องที่แก้ไขและป้องกันได้ ถ้า...

ผู้บริหารระดับสูง จะกลับมาทบทวนสักนิดว่า เรื่องใดกำลังเกิดขึ้นกับท่านโดยที่ท่านอาจจะละเลย มองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปบ้าง หรือไม่รู้ตัวว่ากำลังเกิดขึ้นกับตัวเองอยู่ในทุกวันนี้!? ลองทบทวนดูดีๆ แล้วจะพบทางแก้ไม่ยาก

เช่น ถ้าต้องการให้ทีมขายของท่านเพิ่มยอดขาย ปัจจัยอะไรบ้างที่เป็นอุปสรรคที่ต้องรีบเร่งแก้ไข? ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำแล้วจะเป็นตัวช่วยสนับสนุนให้เกิดยอดขาย?

ฟังให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับลูกน้องที่ตั้งใจ มุ่งมั่นที่จะพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมา ท่านอาจจะไม่ค่อยฟังคนเหล่านี้ (เพราะเจอพวกสอพลอกีดกัน)

และฟังให้มากขึ้นกับลูกค้า ที่บ่นที่ร้องเรียน แล้วรีบหาทางแก้ไข...อยู่ห่างๆ พวกสอพลอซะบ้าง เปิดตาให้กว้างๆ แล้วท่านจะมองเห็น"สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ" ไม่ใช่สิ่งที่พวกสอพลอ "อยากให้เห็น" เท่านั้น!

ให้ความใส่ใจกับคนเก่ง ที่ท่านยังมีอยู่ให้มากขึ้น และสร้างทีมงานส่วนอื่นๆ ให้เก่งขึ้น ทุ่มเทเวลาให้กับทีมของท่านมากขึ้น เรื่องตลกปนเศร้าเคล้าน้ำตา ก็จะไม่เกิดขึ้นหรือลดน้อยลง ...

เชื่อเถอะ..ทีมงานระดับปฏิบัติการ และผู้จัดการที่เป็นลูกน้องของท่าน จะมีความทุ่มเท และมีศักยภาพมากน้อยเพียงใด..

"ขึ้นอยู่กับท่าน ในฐานะที่เป็นผู้บริหารระดับสูง หรือผู้นำสูงสุดขององค์กร จะคิด จะทำ จะนำ จะบริหารอย่างไร ให้คนของท่านทุกระดับ ร่วมกันพาองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย"

อย่าปล่อยให้ เรื่องตลก ปนเศร้าทำนองนี้เกิดขึ้นและคงอยู่อีกต่อไป..

ไม่เช่นนั้น คนที่น้ำตาไหลไม่ใช่ใครหรอกครับ คือทีมงานทุกคนและตัวท่านเอง ที่เป็นคนปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นโดยไม่ยอมแก้ไข เปลี่ยนแปลงอะไรเลย!