บราซิลที่พึงลงทุนยิ่งนัก

บราซิลที่พึงลงทุนยิ่งนัก

อย่าเพิ่งเบือนหน้าว่าบราซิลอยู่ไกลเกินเอื้อม ประเทศนี้มีดีกว่าที่คิด ผู้คนมุ่งไปทำมาหากินที่นั่นกันใหญ่

ขณะที่ท่านอ่านบทความนี้ ผมยังอยู่ที่บราซิล ไปประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ถึงที่นั่น เพราะเป็นที่ๆ น่าลงทุนไม่น้อย บนเครื่องบินที่ผมไปจากอาบูดาบี ปรากฏว่า มีคนจีนจะเดินทางไปที่นั่นคงเกือบครึ่งลำ ทั้งจีนไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ได้ไปคนเดียว อุ้มลูกจูงหลานกันไปเลยทีเดียว บางคนฝึกฝนภาษาโปรตุเกสไปตั้งแต่ก่อนไปเสียอีกเพื่อไปตั้งรกราก แผ่ขยายอิทธิพลของจีนไปให้ทั่วโลกให้ได้!

ไม่ใช่มีเฉพาะจีน ยังมีชาวต่างชาติอื่นเดินทางเข้าบราซิลเป็นจำนวนมาก แม้แต่ญี่ปุ่นก็อพยพไปบราซิลจนประเทศนี้กลายเป็นแหล่งพำนักของชาวญี่ปุ่นนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมไปนครคูริชิบา เมื่อราว 16 ปีก่อนก็พบคนญี่ปุ่นที่เกิดในบราซิลเป็นนายกเทศมนตรี หรือรัฐมนตรีบ้าง ที่เปรูคนญี่ปุ่นเป็นถึงนายกรัฐมนตรีก็มีมาแล้ว อเมริกาใต้โดยเฉพาะบราซิลจึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เราจึงมาเปิดหูเปิดตาดูบราซิลบ้างครับ

บราซิลอยู่ห่างจากไทยถึงอีกซีกโลกหนึ่ง ทำให้เวลาต่างกันประมาณ 10 ชั่วโมง คือถ้าเมืองไทยเป็นเวลา 08:00 เคารพธงชาติ ที่บราซิลก็ราว 18:00 น. ไทยก็เคารพธงชาติยามเย็นอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นหลายคนจึงมองว่าไกลเกินเอื้อม แต่ผมขอบอกว่าเราพึงคิดใหม่!?!

บราซิลมีขนาดใหญ่กว่าไทยถึง 16 เท่า มีประชากรมากกว่าไทยถึง 204 ล้านคนหรือมากกว่าไทย 3 เท่า แสดงว่าความหนาแน่นของประชากรต่ำมาก ประชากรส่วนใหญ่ถึง 86% อยู่ในเขตเมือง เฉพาะมหานครเซาเปาโลก็มีประชากรถึง 21 ล้านคน มหาศาลกว่า 10 ล้านคนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศนี้จึงมีเหลือไว้มหาศาล โอกาสการทำมาหากินจึงมีมาก ยิ่งเราเป็นคนจากต่างแดนไป ไม่ได้เริ่มจาก 0 ยิ่งมีโอกาสมากกว่าคนท้องถิ่นด้วยซ้ำไป

ขนาดเศรษฐกิจของบราซิลนั้นใหญ่กว่าไทย 3 เท่า ทำให้มีรายได้ประชาชาติต่อหัวพอๆ กับประเทศไทย แต่โดยรวมแล้วถือว่าบราซิลจนกว่าไทย โดยมีอัตราการว่างงานถึง 6.4% มีจำนวนประชากรที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนถึง 21.4% (ของไทยเพียง 12%) และมีอัตราการว่างงานสูงถึง 10.6% ในปี 2557 สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินนั้นเงินสกุล “เรอัล” ของบราซิลกำลังอ่อนค่าลงอย่างมาก กล่าวคือ ณ สิ้นปี 2558 เงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐแลกได้ 4.319 เรอัล แต่ปีก่อนหน้าได้เพียง 2.3535 และยิ่งถ้าเป็นในปี 2554 แลกได้ 1.675 เรอัลเท่านั้น

บราซิลกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่นี่แหละคือจุดน่าลงทุนเพราะหลังจากการจัดระเบียบใหม่ โอกาสก็จะกลับมา สมัยที่ผมไปบราซิลครั้งแรกเมื่อ 16 ปีก่อน บราซิลก็อาการหนักแต่ได้ฟื้นตัวขึ้นใหม่ แม้เมื่อเกิดวิกฤติในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2551 ก็ไมส่งผลต่อเศรษฐกิจบราซิลนัก แต่กลับเติบโตต่อเนื่อง จนเมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี 2557 ก็มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผิดพลาด ส่งผลต่อการตกต่ำลงของเศรษฐกิจในปี 2558 จนเมื่อถึงวันที่ผมมีกำหนดเดินทางมาอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2559 ก็มีการเดินขบวนขนานใหญ่ถึง 1.5 ล้านคนเพื่อไล่ประธานาธิบดีกรณีทุจริต

ผลจากเศรษฐกิจตกต่ำทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่ในนครเซาเปาโลที่เป็นเมืองหลวงทางเศรษฐกิจลดลงเหลือ 21,400 หน่วยในปี 2558 จาก 34,000 หน่วยในปี 2557 สำหรับราคาห้องชุดก็ลดลงถึงประมาณ 8.3% ในรอบปีที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าห้องชุดลดต่ำลง 3% อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงถึงประมาณ 15% ต่อปี ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 10% ความคาดหวังจะได้กำไรจากการให้เช่าในขณะที่ราคาลดต่ำลงจึงไม่มี

ในกรณีการเช่าห้องพักขนาด 1 ห้องนอนในใจกลางเมือง จะเป็นเงิน 20,000 บาท แต่ถ้าอยู่นอกเมืองจะเหลือเพียง 13,400 บาท สำหรับราคาเฉลี่ยของห้องชุดจะเป็นเงิน 95,000 บาทต่อตารางเมตรในเขตใจกลางเมือง และ 64,000 บาทต่อตารางเมตรในเขตชานเมือง อย่างไรก็ตามโดยที่การจราจรในนครเซาเปาโลติดขัดหนักมาก การซื้อห้องชุดอยู่ในใจกลางเมืองจึงเป็นสิ่งที่นิยมมากเช่นเดียวกับในกรณีของไทย

ในอีกระยะหนึ่งเมื่อราคาลดต่ำลงกว่านี้ เพราะมีสินค้าคงค้างมากขึ้น แต่ค่าเช่าลดต่ำลงในสัดส่วนที่น้อยกว่า ก็จะทำให้เกิดอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่ามากขึ้น คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าจะสูงขึ้นมากกว่า 10% ในอนาคตหากราคายังตกต่ำลงไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้การลงทุนซื้อห้องชุดพักอาศัยที่ราคาตกต่ำลงเกิดขึ้นอีกในรอบใหม่ การบูมของตลาดที่อยู่อาศัยก็จะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ในด้านการก่อสร้างนั้น นายกสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินประเทศบราซิล ยังเป็นวิศวกรโยธา ให้ข้อมูลว่าค่าก่อสร้างห้องชุดพักอาศัยราคาแพงตกเป็นเงินตารางเมตรละ 35,000 บาท ซึ่งก็ใกล้เคียงกับกรณีของค่าก่อสร้างของไทย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะวัสดุก่อสร้างต่างๆ สามารถผลิตได้ภายในประเทศ บริษัทผู้รับเหมาก็ยังมีแรงงานมีฝีมือและไร้ฝีมืออยู่เป็นอันมาก เพราะระดับความยากจนของประชากรในบราซิลยังสูง จึงมีแรงงานไร้ฝีมืออยู่อย่างเหลือเฟือ

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยที่เป็นตลาดใหญ่สุดนั้น เป็นการลงทุนโดยคนท้องถิ่นเป็นสำคัญ การเก็งกำไรจากนักลงทุนต่างชาติยังแทบไม่มี กลุ่มคนจีนที่หลั่งไหลเข้ามาในบราซิลและอเมริกาใต้ยังเน้นการลงทุนในด้านทรัพยากรธรรมชาติ อุตสาหกรรม ไม่ได้มาเน้นการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ ยกเว้นกลุ่มนักลงทุนจากสหรัฐที่ลงทุนในสินค้าราคาแพงและอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ การที่นักลงทุนรายย่อยจะมา “ช้อนซื้อห้องชุดที่ปัจจุบันสร้างขนาดเล็กลงเพื่อการขายหรือให้เช่า จึงมีความเป็นไปได้เพราะบราซิลไม่กีดกันให้ต่างชาติเข้าไปลงทุน กอปรกับในบราซิล อัตราภาษีที่ดินละสิ่งปลูกสร้างค่อนข้างต่ำราว 1% ของราคาประเมินทางราชการ หรือ 0.5% ของราคาตลาด

ตลาดที่น่าสนใจในอนาคตก็คือห้องชุดราคาปานกลางค่อนข้างถูกที่จะเอื้อต่อประชากรกลุ่มใหญ่ เพราะในขณะนี้สินค้าราคาแพงขายได้ยาก ต่างจากกรณีกรุงเทพฯที่สินค้าราคาแพงขายได้มากกว่าสินค้าราคาถูก แต่สิ่งที่คล้ายกันประการหนึ่งก็คือการอยู่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้ามีคุณต่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากกว่า เพราะราคาจะขึ้นมากกว่าสินค้าที่อยู่ห่างไกลจากระบบขนส่งมวลชน และเชื่อว่าในระยะต่อมานักลงทุนจากจีนและอื่นๆ ที่เข้ามาลงทุนในบราซิลจะซื้อบ้านในท้องถิ่นมากขึ้น

การแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในบราซิลจึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนไทยพึงพิจารณา ไม่ใช่เฉพาะรายใหญ่ๆ ที่อาจอุ้ยอ้ายเคลื่อนไหวช้า แต่ “ดารา” สำคัญของการลงทุนจะเป็นนักลงทุนแบบ SMEs ที่มีความเป็นมืออาชีพและไม่จำเป็นต้องลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่นักลงทุนรายใหญ่ๆ ของไทยเคยไป “เจ๊ง” มาแล้วจากต่างประเทศ ในวิกฤติก็มีโอกาสที่เราจะคิดปักหมุดการลงทุนอสังหาริมทรัพย์กระจายไปทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยงประการหนึ่ง เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ และเพื่อการสร้างแบรนด์ระดับนานาชาติ

โอกาสการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติในบราซิลจึงน่าสนใจมากในอนาคต