คราส 2559

สงครามของรัสเซีย แผ่นดินไหวที่เนปาล และอีกหลายเหตุการณ์สำคัญของปีที่แล้ว เกิดจากปัจจัยหลักคือคราส

โดยเฉพาะคู่สรรพคราสเดือนมีนาคมและเมษายน

ปี 2558 มีคราส 4 ครั้ง ในฤดูคราสแรก เกิดสุริยคราส (สรรพคราส) วันที่ 20 มีนาคม ที่ 5 องศา 23 ลิปดาในราศีมีน และจันทรคราส (สรรพคราส) วันที่ 4 เมษายน ที่ 20 องศา 20 ลิปดาในราศีกันย์ฤดูคราสหลังเกิดสุริยคราส (บางส่วน) วันที่ 13 กันยายน ที่ 26 องศา 6 ลิปดาในราศีสิงห์ และจันทรคราส (สรรพคราส) วันที่ 28 กันยายน ที่ 10 องศา 36 ลิปดาในราศีมีน

ฤดูคราสแรกปี 2558 เป็นช่วงสำคัญ เพราะโลกไม่ได้เกิดสุริยคราส (สรรพคราส) นานกว่า 2 ปีแล้ว ครั้งสุดท้ายคือ14 พฤศจิกายน 2555 ที่ 27 องศา 54 ลิปดาในราศีตุลย์ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า ตั้งแต่ขึ้นสหัสวรรษใหม่ นี่คือครั้งที่ 2 ของคู่สรรพคราสที่เกิดต่อกันใน 15 วัน ครั้งก่อนคือพฤศจิกายน 2546 และครั้งต่อไปอีก 18 ปีข้างหน้า

สิ่งที่น่าสนใจคือ หลังจากสรรพคราสจันทร์อาทิตย์วันที่ 9 และ 24 พฤศจิกายน 2546 ได้เกิดแผ่นดินไหว 6.6 ริกเตอร์ที่อิหร่านในวันที่ 26 ธันวาคม คล้อยหลังไปเพียง 32 วัน มีผู้เสียชีวิตถึง 26,271 คนและบาดเจ็บ 30,000 ราย หลังจากคู่สรรพคราสปี 2558 ก็เกิดแผ่นดินไหว 7.8 แมกนิจูดที่เนปาลวันที่ 25 เมษายน คล้อยหลังเพียง 21 วัน มีผู้เสียชีวิตกว่า 8,000 คนและบาดเจ็บกว่า 21,000 ราย เป็นรูปแบบเดียวกันเลย

สุริยคราสมีอิทธิพล (อย่างน้อย) 1 ปี จันทรคราสมีอิทธิพล (อย่างน้อย) 6 เดือน แต่ถ้าเป็นคู่สรรพคราสติดกัน อิทธิพลยิ่งรุนแรงทบทวี ในปี 2546 มันกลายเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง เกิดภาวะไร้เสถียรภาพอย่างรุนแรงเมื่ออเมริกาถล่มอิรักและซัดดัมหลุดจากอำนาจ เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิปลายปี 2547 ขณะที่ฟองสบู่ซับไพร์มในอเมริกาเริ่มปะทุและแตกออก

สรรพคราสปี 2558 คือจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ในยุโรป โดยเฉพาะยูเครนและวิกฤติผู้อพยพ รัสเซียถล่ม IS ในซีเรีย ทำให้ดุลอำนาจในตะวันออกกลางเปลี่ยนไป ด้านเศรษฐกิจก็มีวิกฤติหนี้สินกรีซ ปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำ และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ปี 2559 มีคราส 4 ครั้ง ฤดูคราสแรกมีสุริยคราส (สรรพคราส) วันที่ 9 มีนาคม เวลา 8:56 น. ที่ 24 องศา 51 ลิปดาในราศีกุมภ์ และจันทรคราส (เงามัว) วันที่ 23 มีนาคม เวลา 19:02 น. ที่ 9 องศา 12 ลิปดาในราศีกันย์ในฤดูคราสหลัง เกิดสุริยคราส (วงแหวน) วันที่ 1 กันยายน เวลา 16:04 น. ที่ 15 องศา 16 ลิปดาในราศีสิงห์ และจันทรคราส (เงามัว) วันที่ 17 กันยายน เวลา 2:06 น. ที่ 0 องศา 15 ลิปดาในราศีมีน

คราสทั้ง 4 ทำมุมถึงจุดสำคัญในดวงเมืองทั้งสิ้น สุริยคราส 9 มีนาคมทำมุม 45 กับอาทิตย์เดิมสนิท และทำมุม 90 กับอังคารเดิม (orb 5 องศา) อาทิตย์คือผู้นำรัฐบาล อังคารคือดาวเจ้าเรือนลัคนาชี้ถึงความท้าทายและปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้นำและบ้านเมือง

จันทรคราส 23 มีนาคมทำมุม 90 กับพฤหัส-เสาร์-มฤตยูเดิมสนิท และทับพุธเล็งเนปจูนเดิม (orb 5 องศา) พฤหัสคือกฎหมาย เสาร์คือการเมือง มฤตยูคือการเปลี่ยนแปลง พุธคือเอกสาร เนปจูนคือความคลุมเครือ อาจเป็นแรงกระเพื่อมทางการเมืองต่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ไม่ชัดเจน

สุริยคราส 1 กันยายนทำมุม 90 กับอังคารเดิมซ้ำอีก และทำมุม 150 กับทศมลัคน์ (MC) ดวงเมืองสนิท การเมืองเป็นประเด็นสำคัญของบ้านเมืองอีกครั้ง จันทรคราส 17 กันยายนทับศุกร์เดิม และทำมุม 45 กับทศมลัคน์สนิท ศุกร์คือเศรษฐกิจ เป็นประเด็นที่ท้าทายต่อภาคการเมือง

อย่างไรก็ตาม ในการวิเคราะห์คราส เราไม่ได้ดูแค่ตำแหน่งที่กระทบพื้นดวงเดิมเท่านั้น แต่ดูทั้งองค์รวมในจังหวะที่เกิดคราส โดยเฉพาะดาวจรอื่นๆ ที่สัมพันธ์ถึงคราส

ช่วงจันทรคราส 23 มีนาคม เกิดปรากฏการณ์ดวงดาวสำคัญ 2 ประการคือ (1) พฤหัสสิงห์ทำมุม 90 สนิทกับเสาร์พิจิก เพียง 2 ชั่วโมงก่อนเกิดคราส นี่อาจหมายถึงภัยธรรมชาติหรือเรื่องใหญ่ทางการเมือง (2) เสาร์วิกลคติพักร (Stationary-retrograde: หยุดนิ่งเพื่อถอยหลัง) ในอีก 2 วันต่อมา โหราศาสตร์ฮินดูย้ำหนักย้ำหนาถึงความสำคัญของดาวที่พักรในจังหวะคราส คราสมีอิทธิพลแรงสุดหน้าหลัง 1 เดือน เราจะได้เห็นเหตุการณ์สำคัญของไทย (และโลก) ในช่วงนี้

จังหวะสุริยคราส 1 กันยายนก็เช่นเดียวกัน ทำมุม 90 กับอังคาร-เสาร์ที่จรในพิจิกสนิท และทำมุมเล็ง 180 กับเนปจูนกุมภ์สนิทด้วย คราสที่ทำมุมร้ายกับบาปเคราะห์ 3 ดวงเช่นนี้ ทั้งยังเข้ารูป T-square (สามเหลี่ยมมุมฉาก) จะยิ่งเพิ่มพลังด้านร้ายของคราสมากขึ้นไปอีก (ในมุมกลับ คราสจะเพิ่มพลังด้านร้ายแก่บาปเคราะห์ทั้ง 3 เช่นกัน)

ในช่วงจันทรคราส 17 กันยายน ก็เกิดปรากฏการณ์สำคัญคือ (1) ทำมุม 90 กับอังคารจรในพิจิกนวางค์ขาด (2) จุดคราสกุมพฤหัสจร (orb 7 องศา) (3) อังคารยกเข้าธนูในวันรุ่งขึ้น (4) พฤหัสดับในอีก 9 วันต่อมากฎหมาย ศาสนา วงการสงฆ์ ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ จะกลายเป็นประเด็นอ่อนไหว

และสำหรับสุริยคราส 9 มีนาคม ซึ่งเป็นคราสสำคัญที่สุดของปี เราควรวิเคราะห์โดยละเอียด (1) คราสนี้มีกำลังแรง เพราะเป็นสรรพคราส (เต็มดวง) (2) สุริยคราสเกิดกลางวัน อาทิตย์ดับขณะส่องแสง ส่งผลทางร้าย (3) คราสเกิดในสุมาตรา ซึ่งใกล้และสามารถเห็นได้ (บางส่วน) ในไทย จึงมีผลกระทบมากในบ้านเรา (4) คราสนี้เล็ง 180 กับสุริยคราสเดิม 13 กันยายน 2558 กระตุ้นพลังทางลบของคราสเดิมขึ้นมาร่วมด้วย

ที่สำคัญสุดคือ (5) สุริยคราสทำมุม 90 กับเสาร์สนิท และทำมุมเล็ง 180 กับพฤหัสสนิท เกิดเป็น T-square ที่ตึงมากทั้งได้รับเกณฑ์ 4 จากอังคาร จึงก่อให้เกิดผลทางร้ายอย่างมาก (6) คราสเกิดในราศีกุมภ์ เสาร์เป็นดาวเจ้าราศี เสาร์ถูกมุม 90 จากคราสซ้ำอีก เสาร์จึงเป็นดาวสำคัญของคราสนี้ เสาร์เล็ง 180 กับอังคารเดิม อังคารคือดาวเจ้าเรือนลัคนาและภพที่ 8 (มรณะ) พึงระวังเหตุการณ์ร้ายแรงในบ้านเมือง

เพราะคราสเกิดในอาเซียนและจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เราต้องโฟกัสภูมิภาคเหล่านี้เป็นพิเศษ ในวันคราส อังคารทำมุม 45 กับพลูโตสนิท บอกถึงภัยจากขบวนการใต้ดินหรือก่อการร้าย ความเคลื่อนไหวของ IS ในอาเซียนจึงประมาทไม่ได้เด็ดขาด พลูโตยังหมายถึงแผ่นดินไหว มี 2 แนวที่ควรระวังคือ อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์ และพม่า-บังคลาเทศ-อินเดีย

สุริยคราสนี้ไม่เพียงกระตุ้นการศึกในทะเลจีนใต้ (อ่าน CHINA 2016) แต่ยังทำมุมเล็ง180 กับเสาร์เดิมในดวงเมืองจีน (orb 5 องศา) ชี้ถึงปัญหาอุปสรรคด้านเศรษฐกิจและค่าเงินหยวนด้วย คราสยังทำมุม 90 สนิทกับอาทิตย์เดิมในดวงเมืองรัสเซีย บอกถึงความท้าทายและการเผชิญหน้ากับศัตรูลับที่เปิดเผยตัว สงครามของรัสเซียคงยังไม่จบง่ายๆ และแน่นอน สงครามในซีเรียและตะวันออกกลางก็จบไม่ได้เช่นกัน ซาอุดีอาระเบียคือตัวละครใหม่ที่ดวงดาวบอกไว้

คราสทั้ง 4 คือที่มาของ Perfect Storm นั่นเอง