สภาพไร้ระเบียบ บทเรียนจากต่างแดน

สภาพไร้ระเบียบ บทเรียนจากต่างแดน

หากติดตามความขัดแย้งทางการเมือง ในหลายภูมิภาคทั่วโลก

 โดยเฉพาะความขัดแย้งที่นำไปสู่ความรุนแรง ในรูปแบบของสงครามและก่อการร้าย ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายของบรรดาผู้นำประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย ว่าทำอย่างไรจะทำให้เกิดระเบียบขึ้นในการเมืองโลก เพราะจากสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวที่เกิดขึ้น ดูเหมือนการเมืองโลกไร้กฏกติกาและไม่มีใครสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จึงกลายเป็นว่าความขัดแย้งดังกล่าวกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ที่มีมากขึ้นในศตวรรษนี้และทำให้ความไม่แน่นอนมีสูงขึ้น

ไม่ว่าที่มาของสภาพความไร้กฏระเบียบในระดับโลกจะมีต้นเหตุมาจากอะไร แต่สิ่งที่เห็นขณะนี้คืิอสภาพไร้กฏระเบียบในหลายภูมิภาค สะท้อนให้เห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากแต่ละฝ่ายไม่ยอมรับกฏระเบียบร่วมกัน ซึ่งยังเป็นเรื่องท้าทายว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการเคารพกฏระเบียบกติการ่วมกันได้ แม้ว่าจะมีความพยายามเจรจาสันติภาพกันมามากมาย แต่ผลที่สุดแล้วการเจรจาดังกล่าวก็ไม่มีผลใดๆในเชิงปฏิบัติ และดูเหมือนว่ายิ่งมีปัญหามากขึ้นในโลกยุคใหม่ที่การสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว

กรณีการไร้กฏระเบียบในระดับโลก ถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการเมืองไทยในขณะนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ และถือว่าเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศและจะเป็นตัวกำหนดกติกาทางสังคมการเมืองในระยะต่อไป หากความขัดแย้งยังไม่สามารถยุติได้ แม้จะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญไปแล้ว ก็มีความสุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งครั้งใหม่ ดังนั้นประเด็นที่ท้าทายสำหรับคนไทยคือทำอย่างไรจะให้รัฐธรรมนูญใหม่ที่กำลังจะบังคับใช้เป็นที่ยอมรับและไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรง

น่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเห็นด้วยกันทั้งหมด ต่อร่างรัฐธรรมนูญของประเทศ ซึ่งหากดูจากในอดีตก็ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าทุกคนเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ แม้แต่นักการเมืองก็ยังไม่เห็นด้วยในหลายประเด็นต่อรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน แต่ในที่สุดแล้ว บรรดานักการเมืองเหล่านี้ก็สามารถลงเล่นตามกติกาใหม่ได้ แม้จะไม่เห็นด้วยเพียงใดก็ตาม นั่นแสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งทางความคิดต่อกฏกติกาทางสังคมสามารถถูกควบคุมให้อยู่ในขอบเขต โดยไม่ขยายออกไปจนนำไปสู่ความรุนแรง

ดังนั้น ในขณะที่เรากำลังขัดแย้งในประเด็นร่างรัฐธรรมนูญกันอยู่นี้ เราอาจจำเป็นต้องดูบทเรียนจากสภาพไร้กฏกติกา ที่เป็นอยู่ในหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้ว่าสภาพเป็นอย่างไร และเราต้องหันมาทบทวนกันจริงๆ ว่าเราจะควบคุมความขัดแย้งทางความคิดเห็น ต่อกฏกติกาบ้านเมืองให้อยู่ในระดับใด เพราะหากเราไม่สามารถควบคุมได้ ก็มีความเสี่ยงจะนำไปสู่สภาพไร้ระเบียบเหมือนที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ และในที่สุดแล้วก็หาต้นตอสาเหตุไม่ไ่ด้ นอกจากกล่าวโทษกันไปมาเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

เราเห็นว่าขณะนี้ถือว่าเป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญของการเมืองไทย เพราะจะเป็นช่วงสำคัญของการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเราต้องมาตั้งสติตกลงกันว่าต้องการเห็นประชาธิปไตยกันแบบไหน หากแต่ละฝ่ายต่างมีจุดยืนของตัวเอง โดยไม่รับฟังความเห็นของอีกฝ่าย เราก็เชื่อว่าความขัดแย้งในรูปแบบเดิมๆก็จะกลับมาอีก แต่หากเราสามารถกำหนดกติการ่วมกันและเล่นในกติกาที่ตกลงกันได้ เราเชื่อว่าการพัฒนาการเมืองไทยก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น โดยไม่ซ้ำรอยกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

เราหวังว่าคนไทยทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จะตระหนักดีถึงประเด็นดังกล่าว และพยายามหาทางแก้ไข เราหวังว่าความขัดแย้งต่อร่างรัฐธรรมนูญ จะไม่บานปลายและถึงที่สุดแล้วทุกฝ่ายน่าจะผ่านพ้นความขัดแย้งไปได้ เราคิดว่าทุกคนคงไม่อยากให้การเมืองไทยกลับไปเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะผลสุดท้ายความเสียหายก็จะเกิดขึ้น กับประเทศโดยส่วนรวมและผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือประชาชน เพราะต้องเสียเวลากับความขัดแย้งกันมายาวนาน