เปิดปมความเสี่ยงหุ้นบิ๊กซี

เปิดปมความเสี่ยงหุ้นบิ๊กซี

ดีลการซื้อกิจการบริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)

 BIGC ของกลุ่มทีซีซี คอร์ปอเรชั่น มูลค่ารวม 1.2 แสนล้านบาท หากพิจารณามุมมองที่แตกต่างจะเห็นว่า ดีลนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนในหลายๆเรื่อง และถือเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะไม่ได้เป็นผู้พิชิตยอดดอย

จากการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ที่มี ประเมินในมุมที่ปัจจัยความเสี่ยงอย่างน่าสนใจ ทั้งในเรื่องราคาเทนเดอร์หุ้นอาจถูกปรับลดลง ด้วยเงื่อนไขของเงินปันผลงวดปี 2558 การดำรงฐานะการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่อไปหรือไม่ เรื่องแรงเก็งกำไรหุ้นที่มองว่าน่าจะได้อานิสงส์จากการเทคโอเวอร์ในครั้งนี้ เพราะเป็นเพียงอนาคตที่คาดว่าจะมีการนำเชื่อมโยงเกิดขึ้นหรือไม่ และคาดหวังว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหุ้นได้ รวมถึงการรักษาทีมผู้บริหารของกลุ่มเดิมที่มีประสบการณ์อย่างยาวนาน กับกลุ่มใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ นอกจากนี้แผนการระดมทุนก้อนโตจากการเสนอขายกองรีท อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ในครั้งนี้ 

นักวิเคราะห์บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่าทีมกลยุทธ์สอบถามไปยังบริษัทบิ๊กซีพบว่าราคาเทนเดอร์ฯจะเป็น 252.88 บาท ไม่มีเงื่อนไขเหมือนเสาวนีย์ฯ ซึ่งเป็นไปตามการตกลงของ Casino กับ TCC อีกทั้งในกรณีซื้อหุ้น BIGC แล้วจะได้ปันผลปี 58 ทันหรือไม่ ทางบริษัทได้คาดว่าจะมีการขออนุมัติงบการเงินปี 58 และจะมีการอนุมัติเงินปันผลประมาณวันนี้ จึงขึ้นกับวัน XD และวันจ่ายปันผลเทียบกับวันทำเทนเดอร์ฯ โดยดีลของรายใหญ่จะแล้วเสร็จภายใน 31 มี.ค.59 แต่สถิติสำหรับปีก่อนขึ้น XD 17 เม.ย.และจ่าย 5 พ.ค. จึงยังมีความไม่แน่นอน ในกรณีเลวร้าย ไม่ได้รับปันผลปี 58 ที่ฝ่ายวิจัยฯคาดไว้ที่ 2.54 บาท หักออกจากราคาเทนเดอร์ฯที่ 252.88 บาท ก็จะเหลือ 250.34 บาท

หลังจากนี้ไปจะต้องรอดูว่า ทางบริษัททีซีซีจะยังคงสถานะบิ๊กซีเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดต่อไปหรือไม่ หรือจะมีการนำออกจากตลาด รวมถึงแรงส่วนการเก็งกำไรหุ้นเบอร์ลี่,หุ้นยูนิเวนเจอร์และหุ้นโกลด์ที่กลุ่มทีซีซีมีหุ้นอยู่พอร์ต อาจจะดำเนินต่อไป แต่คาดว่าหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงจะเป็นบริษัทเบอร์ลี่ที่ทำธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภคที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Synergy ในการที่จะมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็งมากขึ้นแต่ต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์สักพัก จึงไม่ควรเข้าซื้อหุ้นในลักษณะไล่ราคา ด้านยูนิเวนเจรอ์และโกลด์ ซึ่งทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะดูห่างไกลกว่าสำหรับประโยชน์ที่ได้มา ดังนั้นการเข้าไปเก็งกำไรจึงควรระมัดระวัง

บล.ทิสโก้ มีมุมมองว่า ราคาเทนเดอร์ที่ออกมาถือว่าใจกว้างมาก ราคาขายที่ 252.88 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง โดยเชื่อว่ากลุ่มทีซีซี ยอมที่จะซื้อ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการกระจายสินค้า ซึ่งมีสินค้าอุปโภค-บริโภคหลายรายการภายใต้พอร์ตของตัวเอง และมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีในการขยายตลาดในประเทศไทย

จากการคุยกับบริษัทบิ๊กซี พบว่าแผนการขยายกิจการยังคงเดิม แต่การระดมทุนกองรีท(REIT) จะต้องปรึกษากับผู้ถือหุ้นใหม่ก่อน โดยมองว่าการแข่งขันด้านค้าปลีกในไทยทำได้ยาก และกลุ่มทีซีซียังไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ ทำให้เชื่อว่าจะต้องรักษาทีมผู้บริหารเดิมไว้ เนื่องจากสภาพการบริโภคที่ยังไม่แข็งแรง (ผู้บริหารหลายตำแหน่งยังเป็นคนของกลุ่มคาสิโน) แต่ถ้าหากไม่สามารถรักษาทีมผู้บริหารไว้ได้ จะทำให้บริษัทเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนถ่ายครั้งใหญ่

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้หุ้นบิ๊กซีได้รับความสนใจคึกคัก หากพิจารณาตั้งต้นปี 2559 ราคาหุ้นบิ๊กซีปรับตัวขึ้นมาจาก 200 บาทเป็น 249 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มขึ้น 4 หมื่นล้านบาท จาก 1.6 แสนล้านบาทเป็น 2.05 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นราคาที่ปรับตัวขึ้นมาพอสมควรแล้ว