สิ่งผิดปกติใหม่ในศก.โลก

สิ่งผิดปกติใหม่ในศก.โลก

ตั้งแต่ต้นปี เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความผันผวน

ในตลาดการเงินโลก โดยตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนัก รวมทั้งราคาสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ เนื่องจากตลาดกังวลว่าการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มฟื้นตัวจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ทยอยขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงความกังวลในเรื่องความขัดแย้งในตะวันออกกลาง แต่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆก็มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกน้อยลงจากวิกฤติเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อยาวนานหลายปี

ยิ่งกว่านั้น จากราคาน้ำมันตกต่ำ พร้อมด้วยความไร้เสถียรภาพของตลาด ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นว่าบริษัทน้ำมันของสหรัฐ และเศรษฐกิจประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกจะเกิดปัญหา จนลุกลามไปสู่การติดหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งจะนำไปสู่การผิดชำระหนี้และลุกลามสู่ภาคสถาบันการเงิน จนเกิดวิกฤติสินเชื่อในระดับโลก ประกอบกับปัญหาประเทศเกิดใหม่ที่เผชิญกับปัญหาทุนเคลื่อนย้าย และสร้างความปั่นป่วนในตลาดเงินโลกอีกครั้ง จนลุกลามเป็นวิกฤติครั้งใหญ่

สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นหลายประการ คือ

1. การเติบโตในประเทศกำลังพัฒนา และประเทศตลาดเกิดใหม่ชะลอตัวลง มีภาระจากหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนค่อนข้างสูง รวมทั้งการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ แม้ว่าจะเกิดการพัฒนาทางเทคโนโลยี แต่ก็ไม่สามารถช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ทำให้การพัฒนาที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมเท่าที่ควร 

2. นโยบายเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำ โดยเฉพาะนโยบายการเงินที่ธนาคารกลางหลายประเทศใช้เพิื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ความแตกต่างการใช้นโยบายการเงินกับการคลังแทบไม่มีความแตกต่างกันเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต กล่าวคือมีการใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง ซึ่งจะเห็นได้จากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งไม่นับประเทศอื่นๆที่มีการใช้นโยบายการเงินในลักษณะเดียวกันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในของประเทศ

3. เกิดปรากฏการณ์เงินเฟ้อตกต่ำทั่วโลก เนื่องจากราคาน้ำมันและสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคตกต่ำ ธนาคารกลางใหญ่ๆมักจะตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อเพื่อเป็นตัวกำหนดกรอบนโยบายการเงิน ซึ่งหลายแห่งพยายามกระตุ้นเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าจากนโยบายของเฟด ส่วนราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ราคาร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัวจากเดิมที่เฟื่องฟูจากมาตรการคิวอี

4. เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ซึ่งถือว่าผิดความคาดหมายในช่วงต้น แม้รัฐบาลจีนมองว่าเป็นการปรับนโยบายเพื่อสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่การผลิตน้ำมันและโลหะมีค่าเพื่ออุตสาหกรรมเพื่อขึ้นจากการลงทุนอย่างมากในช่วงก่อนหน้านั้น และเมื่อแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์เริ่มแข็งค่าขึ้นก็ยิ่งส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ร่วงลงต่อไป ทำให้เกิดปัญหาวิกฤติซัพพลายครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภท

สิ่งเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกในปีนี้ แม้เราจะเรียกว่า“ความเสี่ยง” แต่ตลาดก็ปรับเปลี่ยนผิดตามหลักทางเศรษฐศาสตร์อย่างมาก กล่าวคือ การเปลี่ยนแปลงในตลาดบางกรณีสวนทางกันจนยากประเมิน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเศรษฐกิจโลกนับจากนี้ไปเป็นความผิดปกติ“ใหม่”ที่เกิดขึ้น เป็นความผันผวนราคาโดยไม่อิงกับพื้นฐานที่แท้จริงทางเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าสิ่งผิดปกติ“ใหม่”ที่เกิดขึ้นจะคงอยู่ต่อไปอีกนานจากการพัฒนาที่ไม่สมดุลในระดับโลก