จะเกิดอะไรขึ้นในปี 2559

จะเกิดอะไรขึ้นในปี 2559

เร็วจริง ๆ ครับ เผลอนิดเดียวต้องมานั่งเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังว่าในปีหน้าที่จะถึงนี้ น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

ตามที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นแนวทางให้ท่านบริหารจัดการความเสี่ยงที่จะกระทบเงินในกระเป๋าของท่าน มีผิดบ้างถูกบ้างนะครับ แต่จะต้องชัดเจนไม่คลุมเครือ ตามแบบที่ทำมานะครับ 

ก่อนจะมองไปข้างหน้า คงต้องมองย้อนกลับไปเล็กน้อยเพื่อที่จะได้รู้แนวทางที่ได้แนะนำท่านมาโดยตลอด ก็พอจะมองเห็นได้ว่าแนวทางนั้นไม่เปลี่ยน การวิเคราะห์มีข้อผิดพลาดบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะฉะนั้นการมองไปในอนาคตคงจะดำเนินไปในแนวทางที่ถือปฏิบัติอยู่ และมีปัจจัยบางอย่างที่น่าจะทำให้การมองอนาคตทำได้ยากลำบากมากขึ้น ซึ่งจะได้กล่าวต่อไปนะครับ และถ้าท่านผู้อ่านบางท่านได้ติดตามสื่อต่างประเทศบางแห่ง ก็เริ่มที่จะมีการทำนายออกมากันบ้างนะครับ หากที่ผมทำนายไปซ้ำกับสื่อเหล่านั้น ก็หมายความว่าน้ำหนักแห่งความน่าเชื่อถือก็จะมากขึ้นนะครับ แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวของผม และโปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ 

เริ่มกันเลยนะครับ สืบเนื่องจากการทำตัวเป็น”Fed Watcher” มาตลอดปี การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของอเมริกาคงเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นแน่นอน และในบทความเดือนที่แล้วก็ได้"ฟันธง”ไปแล้วว่า Fed จะเริ่มขยับในการประชุมเดือนนี้ สิ่งที่อยากจะบอกเพิ่มเติมก็คือ เป้าหมายหลักของ Fed 2 ประการ คือการจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อนั้นคงต้องติดตามดูตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายทั้งสองอย่างใกล้ชิด ผมยังเชื่ออยู่ว่า ในปี 2559 จะมีการขึ้นดอกเบี้ยอเมริกาต่อไป สิ่งที่ตามมาก็คงจะมีอีกหลายประการดังที่จะได้เล่าให้ฟังต่อไปนะครับ
ค่าเงินดอลลาร์จะสูงขึ้น โดยปัจจัยพื้นฐานแล้วการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของอเมริกา สะท้อนให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจของอเมริกามีการฟื้นตัวชัดเจน และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทางธนาคารกลางจึงต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตาม สิ่งที่จะตามมาคือการเคลื่อนย้ายเงินทุนก็จะมีการปรับไปในทิศทางที่จะทำให้มีความต้องการเงินดอลลาร์สูงขึ้น ปี 2559 จึงน่าจะเป็นปีที่เราเห็นดอลลาร์แข็งตัวเมื่อเทียบกับเงินสกุลต่าง ๆ นะครับ ส่วนจะมากหรือน้อยก็คงต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของเงินสกุลนั้น ๆ ไป พร้อม ๆ กันด้วย

บางท่านอาจจะสนใจเงินยูโรและหยวน ผมก็อยากจะเรียนว่าแนวโน้มก็ยังคงไม่ค่อยดี อย่างน้อยช่วงครึ่งแรกของปี 2559 น่าจะเห็นเงินยูโร และหยวน ที่มีค่าลดลงได้ สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่งและยังคงอยู่ห่างจากการฟื้นตัวนะครับ

ส่วนเงินบาทนั้นก็คงจะมีค่าอ่อนตัวต่อไป เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยหลัก ส่วนปัจจัยรองน่าจะเป็นเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หากฟื้นได้ดีก็น่าจะทำให้เงินบาทไม่อ่อนตัวไปรวดเร็วนัก เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นในทางตรงกันข้ามหากพื้นฐานไม่ดีขึ้น ก็อาจจะเป็นตัวเร่งให้เงินบาทอ่อนตัวได้อย่างเร็วขึ้นนะครับ

ทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์ โดยปกติเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยแต่น่าจะมีระยะห่างของห้วงเวลาไปประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี อย่างไรก็ตามโลกทุนนิยมปัจจุบัน มีการเก็งกำไรกันอย่างมาก ซึ่งหมายความว่าปัจจัยเสี่ยงความผันผวน และการเคลื่อนไหวของราคาในบางช่วงอาจจะอธิบายไม่ได้ว่าเกิดจากอะไรและไม่สะท้อนสภาวะทางพื้นฐานเศรษฐกิจ แต่ผมเชื่อว่าเมื่อพิจารณาโดยรวมทุกประเด็นแล้ว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันน่าจะ bottom out และกระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 นะครับ

ตลาดตราสารหนี้น่าจะไม่ดี ดอกเบี้ยขาขึ้นน่าจะส่งผลลบต่อการซื้อ/ขายในตลาดตราสารหนี้ แต่การ hedge หรือป้องกันความเสี่ยงทางด้านดอกเบี้ยน่าจะคึกคัก ซึ่งในที่สุดก็น่าจะส่งผลทำให้การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Federal Reserve มีความหมายมากขึ้น

ตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบในทางลบในช่วงแรกและเป็นเพียงระยะสั้น อัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นนั้นสืบเนื่องมาจากฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจเป็นหลัก ดังนั้น การระดมทุนผ่านตลาดหุ้นน่าจะคึกคัก บริษัทจดทะเบียนน่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น การซื้อ/ขายของหุ้นก็น่าจะดีขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น การถือครองเงินสด (Cash is King) ในช่วงที่ผ่านมาก็คงถึงเวลาที่จะเปลี่ยนไปถือครองสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะหุ้นได้ โดยหาจังหวะที่เหมาะสมและถูกใจนะครับ

สุดท้ายก็อยากจะเรียนปัจจัยที่น่าจะเป็นตัวปัญหาทำให้การบริหารความเสี่ยงของเราทำได้ยากขึ้น ตามที่เรียนไว้ข้างต้น ก็คือปัจจัยเรื่อง Geopolitics หรือเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งผมได้เคยเรียนให้ท่านผู้อ่านฟังมาพอควรแล้ว ปัจจัยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากที่จะวิเคราะห์ หรือแม้แต่จะคาดเดาได้ ผมเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และการวิเคราะห์ที่เหมาะสมคงต้องไปดูประวัติศาสตร์กันให้อย่างลึกซึ้ง และผมก็ติดตามอยู่ว่าจะมีนักประวัติศาสตร์ท่านใดจะนำเอาประวัติศาสตร์มารับใช้ปัจจุบัน เพื่อเราจะได้พอมีแนวทางรับมือเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้บ้าง เรื่องการก่อการร้าย หรือเรื่องข้อขัดแย้งในหลายภูมิภาค เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิดนะครับ และในโลกปัจจุบันที่การสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว ก็ไม่น่าจะทำให้เราเสียเปรียบหรือได้เปรียบกันมากนะครับ หากเราติดตามให้ดี และมีความตื่นตัวอยู่พอควร สวัสดีครับ